TPIPP โชว์ปริมาณไฟฟ้าที่ขายในไตรมาส 1/60 ทำนิวไฮ หนุนผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ลุ้น กกพ. เล็งปรับอัตราค่า Ft ดันรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 19, 2017 10:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย บมจ. ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ หรือ TPIPP ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง โชว์ศักยภาพของโรงไฟฟ้าทั้ง 4 แห่ง ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้านิวไฮในไตรมาส 1/60 หลังปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร ด้านผู้บริหารลุ้น กกพ.ปรับขึ้นค่า Ft ในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค. 2560อีกประมาณ 20 สตางค์ต่อหน่วย จะส่งผลดีต่อรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าในไตรมาส 2/60 นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายโรงงาน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือTPIPP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินภาพรวมปริมาณไฟฟ้าที่จำหน่ายในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ คาดว่าจะทำสถิตินิวไฮ สูงสุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินกิจการโรงไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 4 แห่งในปัจจุบัน ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 20 MW โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 60 MW โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง 40 MW และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง 30 MW สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ารวมกันได้สูงถึง 197 ล้านหน่วย ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่จำหน่ายไฟฟ้าประมาณ 180 ล้านหน่วย โดยการเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรแล้วเสร็จเมื่อปลายปีก่อนและทำให้อัตรากำลังการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าสูงขึ้นด้วย ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้สูง เนื่องจาก TPIPP ได้เพิ่มจำนวนหม้อผลิตไอน้ำและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ทำให้สามารถใช้กำลังการผลิตของกังหันผลิตไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยแล้วเสร็จตามกำหนดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ สามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้จำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/60 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 20 MW และ 60 MW ที่จำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. โดยได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ที่ 3.50 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี นับจากวันที่เริ่มซื้อขายไฟฟ้า "ในไตรมาสแรกเราประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าทั้ง 4 แห่ง ส่งผลให้เราสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคาดว่าในอนาคตบริษัทฯ จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อัตรากำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตด้านผลการดำเนินงานของเราต่อไป" นายวรวิทย์ กล่าว รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายโรงงาน TPIPP กล่าวอีกว่า เนื่องจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีแนวโน้มปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) ในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2560 ที่อัตราประมาณ 20 สตางค์ต่อหน่วย หลังจากทิศทางราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นและเริ่มมีการจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนรูปแบบต่างๆ เข้าสู่ระบบ ซึ่งปัจจัยดังกล่าว จะทำให้ TPIPP ได้รับประโยชน์จากการดำเนินนโยบายของภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า ของโรงไฟฟ้าทั้ง 4 แห่ง ในช่วงไตรมาส 2/60 และเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ