กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.มัดแมน หรือ MM ผู้นำธุรกิจอาหารและไลฟ์สไตล์แบรนด์ระดับโลก เร่งขยายธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในไทยและต่างประเทศ หลังเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เตรียมเปิด 'เกรฮาวด์ คาเฟ่" สาขาต้นแบบแห่งแรกในอังกฤษซึ่งเป็นตลาดใหม่ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ก่อนขยายตลาดในยุโรปต่อไป พร้อมเดินหน้าลงทุนเพิ่มสาขาในไทยและขยายการให้สิทธิแฟรนไชส์ในประเทศใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นทุกปี ส่วนธุรกิจรับบริหารศูนย์อาหารในโรงพยาบาล 'ครัวเอ็ม' จะขยายการรับบริหารศูนย์อาหารไปยังสถานที่อื่น ๆ เพิ่มเติมขณะที่ 'ดังกิ้น โดนัท โอ บอง แปง บาสกิ้น ร็อบบิ้นส์' ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นในไทยอย่างต่อเนื่อง
นายนาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มัดแมน จำกัด (มหาชน) หรือ MM เปิดเผยว่า ได้นำหุ้น บมจ.มัดแมน เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก โดยใช้ชื่อย่อ 'MM' ในการซื้อขายหลังจากที่ได้เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 210,980,750 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ บมจ.ทรัพย์ศรีไทย (SST) เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น ผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และนักลงทุนสถาบัน ในราคาหุ้นละ 5.25 บาท
หลังจากที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัทฯ จะเร่งขยายธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งที่ดำเนินการภายใต้สิทธิตามสัญญามาสเตอร์แฟรนไชส์และที่ดำเนินการภายใต้แบรนด์ตัวเอง โดยเน้นไปที่แบรนด์ดังกิ้น โดนัท, โอ บอง แปง, บาสกิ้น ร็อบบิ้นส์, ครัวเอ็ม และเกรฮาวด์ คาเฟ่ เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก ส่วนธุรกิจไลฟ์สไตล์ภายใต้แบรนด์ 'เกรฮาวด์' ขณะนี้ยังไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่ม
ทั้งนี้ แผนขยายธุรกิจ 'เกรฮาวด์ คาเฟ่' ซึ่งเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ดำเนินการภายใต้แบรนด์ของตนเอง ตั้งเป้าขยายสาขาในไทยอีก 6-9 สาขา รวมเป็น 19-22 สาขาภายในปี 2563 คาดว่าใช้เงินลงทุนแห่งละ 15-20 ล้านบาท อีกทั้งจะขยายสาขาผ่านการให้สิทธิแฟรนไชส์ในต่างประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเลเซียและสิงคโปร์ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงวางเป้าหมายขยายการให้สิทธิแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นปีละ 1-2 ประเทศ
พร้อมกันนี้ จะลงทุนขยายร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ในทวีปอื่น ๆ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป โดยล่าสุด ได้จดทะเบียนจัดตั้ง GHC Cafe (UK) Co.,Ltd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เกรฮาวด์ คาเฟ่ จำกัด เพื่อพัฒนาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในประเทศอังกฤษ โดยได้ลงทุนร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่แห่งแรกที่อังกฤษเป็น Flagship Store ที่เป็นต้นแบบในการขยายสาขาผ่านการให้สิทธิแฟรนไชส์ในยุโรปต่อไป คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ นอกจากนี้ มีแผนขยายธุรกิจครัวเอ็มซึ่งเป็นธุรกิจรับบริหารศูนย์อาหารในโรงพยาบาล (Cafeteria) และบริการอาหารสำหรับผู้ป่วยใน (IPD Food Services) ไปยังสถานที่อื่น ๆ เช่น โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนนานาชาติ ฯลฯ
ส่วนธุรกิจที่ดำเนินงานภายใต้สัญญามาสเตอร์แฟรนไชส์ ได้แก่ ดังกิ้น โดนัท โอ บอง แปง และบาสกิ้น รอบบิ้นส์ มีแผนขยายสาขาเพิ่มแบรนด์ละ 12-15 สาขาต่อปี 5-6 สาขาต่อปี และ 3-5 สาขาต่อปีตามลำดับ ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2563 คาดว่าจะมีร้านดังกิ้น โดนัท โอ บอง แปง และบาสกิ้น รอบบิ้นส์ เพิ่มขึ้นเป็น 355 สาขา 96 สาขา และ 54 สาขาตามลำดับ
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า บมจ.มัดแมน มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าในปี 2559 มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ แต่เป็นการขาดทุนที่เกิดจากการตัดค่าจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนที่ได้มาจากการเข้าซื้อกิจการและการด้อยค่าของสินทรัพย์ ซึ่งเป็นการขาดทุนทางบัญชีเท่านั้น ถ้าหากไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าว บริษัทก็ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงาน จึงมั่นใจว่า MM จะมีศักยภาพการเติบโตที่ดีในอนาคต
ทั้งนี้ ธุรกิจของ บมจ.มัดแมน มีจุดแข็งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมีความถี่ในการเปิดตัวเมนูใหม่ออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนพัฒนาเมนูเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญเพื่อเพิ่มยอดขาย ขณะเดียวกัน ได้ให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพสินค้า ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ การผลิต การจัดเก็บและกระจายสินค้า รวมถึงมาตรฐานการให้บริการหน้าร้าน การบริหารจัดการต้นทุน รวมถึงมุ่งเน้นการทำการตลาดผ่านสื่อดิจิทัลเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์เพิ่มขึ้น
"เรามองว่า บมจ.มัดแมน มีศักยภาพในการแข่งขันที่ดีและโอกาสที่จะเทิร์นอราวนด์ได้ โดยนอกจากจุดแข็งทางธุรกิจแล้ว ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มยังได้รับปัจจัยหนุนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมทานอาหารนอกบ้านเพิ่มขึ้น รวมถึงภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารที่คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 9.95 แสนล้านบาทในปี 2562 จากปี 2559 ที่ 7.88 แสนล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 8 ต่อปี" นายมนตรี กล่าว