กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--สธ.
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมหารือกับร้อยตำรวจตรีเกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ปลัดกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารระดับสูงของกรุงเทพมหานคร ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการจัดการระบบบริหารภายในกรุงเทพมหานครในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ให้เป็นระบบความร่วมมือจากหลายหน่วยงานมากขึ้น เพราะจากการที่กรุงเทพมหานครได้เข้าร่วมโครงการนำร่อง 3 โซน 13 เขต ตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครยังไม่มีการร่วมบริหารจัดการและรับผิดชอบเต็มที่ จึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกส่วนและเพื่อลดปัญหาต่าง ๆ เช่นการขึ้นทะเบียนให้กับประชาชน การแจกบัตร ความถูกต้องของฐานข้อมูลประชากรออกมาดีที่สุดไม่เกิดความสับสน ดังนั้นจึงมีการตั้งคณะทำงานความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับกรุงเทพมหานครขึ้นมา โดยมีนายแพทย์เสรี ตู้จินดา อธิบดีกรมการแพทย์ เป็นตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นตัวแทนในการบริหารจัดการเรื่องฐานทะเบียนประชาชน มีตัวแทนของสำนักงานทะเบียนราษฎร์ กระทรวงมหาดไทย เข้ามาร่วมด้วย โดยตั้งเป้าว่าหากระบบฐานข้อมูลสารสนเทศของโครงการ 30 บาท เสร็จในระยะเวลากำหนด ภายในวันที่ 1 เมษายน 2545 อาจเป็นไปได้ที่คนกรุงเทพมหานคร 3 ล้านกว่าคนสามารถใช้บัตรประชาชนแทนบัตรทองได้เลย ทั้งนี้การทำบัตรประชาชนรุ่นใหม่ได้ปรับปรุงเป็นบัตรที่มีฐานข้อมูลของคน คนนั้นครบถ้วน ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ได้ ต่อไปในอนาคตไม่ต้องพกบัตรหลายใบ มีบัตรประชาชนเพียงบัตรเดียวก็สามารถใช้แทนบัตรอื่นได้
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี กล่าวต่อไปว่า ผลจากการดำเนินงานโครงการ 30 บาท ซึ่งอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกคำสั่งไม่ให้มีการโยกย้ายข้าราชการในช่วงนี้ เนื่องจากกำลังจะมีการเกลี่ยอัตรากำลังคน ซึ่งทุกคนยังคงได้รับเงินเดือนตามสังกัดเดิมทุกประการเนื่องจากขณะนี้หมวดเงินเดือนแยกออกมาต่างหากจากหมวดเงินงวด ฉะนั้นเงินเดือน สิ้นเดือนตุลาคมนี้ยืนยันว่าทุกคนได้รับเงินเดือนตามระบบที่มีอยู่แน่นอน--จบ--
-สส-