กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--เอเม่ คลินิก
เมื่อความชรามาเยือน ผิวหนังบนใบหน้าก็เริ่มหย่อนคล้อย บางคนก็ย้อยจนหน้าตาเปลี่ยนไปมาก ไม่ว่าจะเป็นคิ้วและหนังตาตก ร่องแก้มลึก แก้มห้อยย้อย ถ้าอายุมากจริงๆ ย้อยจนย้วย การผ่าตัดดึงหน้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าอายุยังไม่เยอะ หรือ ย้อยไม่มาก แต่ก็แย่จนคนเริ่มทัก ว่าหน้าเศร้าบ้าง โทรมบ้าง เราควรทำอย่างไรดี !!!!???
ถ้าไม่ชอบเจ็บตัวมากนัก มีเวลามาก รอได้ ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม แนะนำการทำ Treatment ที่เกี่ยวกับการยกกระชับผิว ได้แก่ การทำ RF, Laser Infared หรือ Ultrasoud ค่ะ
แต่ถ้าชอบความรวดเร็วขึ้นมาหน่อย แล้วก็เจ็บตัวครั้งเดียว แต่ไม่มากเท่ากับการผ่าตัดดึงหน้าเต็มรูปแบบ บางคนอาจคงเคยได้ยิน ไหมดึงหน้า หรือ Thread Face Lifting กันมาบ้าง โดยไหมดึงหน้าเหล่านี้ มีอายุ 1-3 ปี (ยกเว้นไหมทอง)
ประโยชน์ของการใช้ไหมดึงหน้า
1. เห็นผลยกกระชับและช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ชัดเจนทันที
2. เห็นผลได้ชัดเจนขึ้นในอีก 1-2 เดือนถัดมา โดยจะเห็นผลสูงสุดที่ 3 เดือน จากการที่ไหมไปกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมต่อเนื้อเยื่อให้มีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรง ทำให้เห็นผลยกกระชับที่เพิ่มขึ้น
3.ไม่ใช่การผ่าตัด จึงไม่มีแผลขนาดใหญ่ อาจมีรอยมีดกรีดเล็กๆ หรือ บางแบบอาจมีแค่รอยเจาะของเข็มเพียงเล็กน้อย
4. หลังจากการทำไม่ต้องพักฟื้น สามารแต่งหน้าใช้ใบหน้าได้ตามปกติทันที สามารถใช้ชีวิตตามปรกติได้เลย
5. อาจมีรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นได้ แต่ก็เพียงเล็กน้อย จึงใช้เวลาพักฟื้น (Down Time) น้อยมาก
6. เพราะไม่ใช่การผ่าตัด จึงมีความเจ็บปวดที่เกิดในขณะทำและหลังจากทำเพียงเล็กน้อย
เจ้าไหมดึงหน้านี้มีอยู่หลากหลายชนิด ... ไปรู้จักกันดีกว่า
กลุ่มไหมถาวร
1. Gold Thread เป็นการนำไหมที่ทำด้วยทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% ที่มีขนาดประมาณเส้นผม ร้อยเป็นลักษณะโครงตาข่ายในชั้นผิวหนัง โดยทองคำจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น และมีการสร้างคอลาเจนขึ้นใหม่ แต่เพราะด้ายทองไม่มีปมหรือแง่งใดๆ จึงไม่มีผลในแง่ของ Machanic lifting มากนัก จึงต้องรอผลจากการกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซม จะเริ่มเห็นผลเมื่อ 1 เดือนเป็นต้นไป
โดยไหมทอง 1 เส้น จะมีความยาวตั้งแต่ 25 - 50 cm ขณะทำก็จะตัดไปเรื่อยๆ ขณะร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนัง ดังนั้น การร้อยไหมทั้งหน้า ก็จะใช้เพียงไม่กี่เส้น โดยปกติใช้เพียงไม่กี่เส้น แต่ก็เคยมีรายงานว่ามีการใช้ถึง 10 เส้นใน 1 คนเลยทีเดียว
2. Feather-Lift หรือ Aptos ® threads เป็นไหมที่ไม่สามารถละลายได้ (monofiliment material - "polypropylene") ที่มีลักษณะเป็นรูปก้างปลาบั่งออกเป็นซี่ๆ จากตัวเส้นไหนเอง เริ่มขึ้นที่รัสเซียเป็นประเทศแรก [ชื่อจากบริษัทอื่น ได้แก่ Silk Lift™, BPS® (Barbed Polypropylene Sutures)]
3. Silhouette Lift เป็นไหมที่ไม่สามารถละลายได้ ไหมมีการทำปมเป็นระยะๆ โดยระหว่างปมจะมีกรวยรูปร่างคล้ายไอศครีม ซึ่งจะถูกล็อคตำแหน่งไว้โดยปมข้างต้น เจ้ากรวยนี้ทำจากวัสดุเดียวกับไหมละลาย
ไหมไม่ละลายแบบนี้ มีใช้ทางการแพทย์มานานกว่า 50 ปี ในการผ่าตัดหัวใจ ซึ่งไม่มีปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อมนุษย์ (Biocompatibility)
กลุ่มไหมละลาย จะเป็นไหม PDO (plydioanone) ซึ่งเป็นไหมละลายที่ใช้ในการเย็บผนังเส้นเลือดหัวใจ ซึ่งมีโอกาสแพ้น้อยมาก ไม่มีผลปฏิกิริยาต่อผิวหนัง ไหมละลายที่นำมาร้อยกระชับจะค่อยๆ ละลายไปภายใน 6-8 เดือน ไม่เหลือตกค้างให้เกิดผลข้างเคียงภายหลัง นอกจากจะเห็นผลทันทีหลังทำแล้ว ยังพบผลดีต่อเนื่องได้อีก คือขณะที่ไหมละลายอยู่ใต้ผิวหนัง จะกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ (Local microcirculation) มีผลให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนรอบๆ เส้นไหม จึงเกิดการยกกระชับมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ผิวหน้าจะยิ่งดีขึ้น กระชับขึ้นเรื่อยๆ และได้ผลต่อเนื่องนานถึง 12-18เดือน
4. Happy Lift ไหมจะลักษณะเหมือนกับ Aptos (ข้อ 3) แต่เปลี่ยนเป็นไหมละลาย
5. TR - Line
6. Ultra Fine Thread Lift หรือ Ultra V-Lift
ไหมข้อ 5 และ 6 เป็นนวัตกรรมจากเกาหลี ไหมเส้นหนึ่งๆ จะมีขนาดเล็กมาก และไม่ยาวมากนัก โดยแต่ละเส้นจะมีขนาดตั้งแต่ 3-9 cm เท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าทำทั้งหน้าและลำคอ อาจต้องใช้มากถึง 200 เส้นเลยทีเดียว
วิธีการร้อยไหม แบบคร่าวๆ หลักการของทุกๆ อย่างจะคล้ายๆ กัน
1. ทายาชาบริเวณใบหน้าของคุณผู้หญิงที่ต้องการยกกระชับไว้ 30-45 นาที โดยแพทย์อาจเพิ่มการฉีดยาชาเฉพาะจุดในไหมบางชนิด
2. ทำความสะอาดให้ทั่วใบหน้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
3. แพทย์จะนำเส้นไหมเข้าไปยึดตามเนื้อเยื่อผิว โดยจะใช้วิธีร้อยเรียงเส้นไหมด้วยเทคนิคเฉพาะของไหมแต่ละชนิดในเวลาเพียง 30- 60 นาที
4. หลังจากร้อยไหมแล้ว อาจมีการเพิ่มแรงดันบริเวณใบหน้าด้วยการกดเบาๆ ทั่วๆ ใบหน้า ร่วมกับการประคบเย็น เพื่อลดการไหลออกของเลือด ทำให้การเกิดการเขียวช้ำลดลง เป็นเวลา 10-15 นาที เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการร้อยไหม
6. อาจได้รับยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ กลับไปรับประทานต่อที่บ้านประมาณ 1 สัปดาห์