กรุงเทพฯ--14 ก.พ.--สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
SMEs ไทยสนใจโครงการ ASID จับมือ 4 ค่ายใหญ่ ISP เดินสายให้ความรู้การทำธุรกิจ แบบ e-business ประเดิมจังหวัดแรก แห่เข้าร่วมรับความรู้ กว่า 200 ราย เริ่มเห็นแนวทางทำธุรกิจ online มากขึ้น
นางชุตาภรณ์ สัมพสาระ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยหลังจากที่ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้จัดการสัมมนาตามโครงการ ASID เครื่องมือนำไทยและอาเซียนสู่ตลาดโลก โดยการนำผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISP) ร่วมสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ e-business แก่ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศครั้งแรกในภาคตะวันออก เพราะเล็งเห็นว่าการลงทุนของผู้ประกอบการที่เป็นคนไทย 100% ในภูมิภาคนี้มีเพิ่มมากขึ้น
จากการจัดสัมมนาครั้งแรก มีผู้ประกอบการ SMEs ให้พื้นที่ให้ความสนใจเข้ารับฟังกว่า 200 ราย ทั้งนี้เนื่องจากผู้ประกอบการใจภูมิภาคได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับาหกมีการพัฒนาการทำธุรกิจในลักษณะพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยจะเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางในการทำธุรกิจของผู้ประกอบการไทย ให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายได้กว้างมากขึ้น
"การให้ความรู้ในเรื่อง e-business จะทำให้ SMEs ได้ทราบถึงความก้าวหน้าของระบบการค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต และยังสมารถทำให้ตลาดโลกรู้ถึงศักยภาพของผู้ผลิตของไทยมากขึ้น นอกจากนี้หากผู้ผลิตรายใหญ่ทราบถึงศักยภาพที่มี หันมาสั่งซื้อชิ้นส่วนในประเทศก็จะเป็นการช่วยลดการนำเข้าด้วย" รองเลขาธิการบีโอไอกล่าว
ด้านนายวัชรพงศ์ ยะไวทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท Max Saving (Thailand) จำกัด กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่เป็น SMEs จะต้องเปลี่ยนทัศนคติต่อระบบอินเทอร์เน็ตว่าขณะนี้เป็นระบบที่มีความสำคัญต่อระบบการค้ามากขึ้น ผู้ประกอบการสามารถทำการค้าขายได้ตลอด 24 ชม.สามารถนำสินค้าเข้าสู่ตลาดโลกได้ทันที และขายตรงสู่ผู้บริโภคได้ทั่วโลก นอกจากนี้ยังสามารถติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและเทคโนโลยีได้ง่าย และประหยัดต้นทุน
นายไพบูลย์ ศรีเจริญชัยกุล บริษัทเอเซี่ยวไดแคสท์ จำกัด ผู้ประกอบการผลิตงานหล่อ กล่าวว่าการที่บีโอไอจัดการสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในเรื่องของการทำธุรกิจผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะว่าปัจจุบันหลายบริษัทที่ทำธุรกิจยังไม่มีความรู้เรื่องของการทำธุรกิจผ่านทางอินเทอร์เน็ต และไม่มีเวบไซต์เป็นของตัวเองด้วย เมื่อได้รับความรู้ในเรื่องนี้และเห็นประโยชน์ที่จะได้รับคาดว่าในอนาคต SMEs จะหันมาทำธุรกิจผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น
ส่วนการลงทุนในภาคตะวันออกนั้น นางศิริพร นุรักษ์ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการลงทุน 7 เปิดเผยว่า ในปี 2543 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการที่เป็นคนไทย 100% ลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 190% จากปีก่อน โดยเป็นผู้ประกอบการด้านผลิตชิ้นส่วนเป็นส่วนใหญ่ และในปี 2544 นี้คาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นอีก
อนึ่งสำหรับโครงการจัดสัมมนานี้ จะมีการจัดสัมมนาอีก 11 ครั้ง ใน 4 ภาค ประกอบด้วยภาคตะวันออก ที่จังหวัดระยอง (14 ก.พ.) ปราจีนบุรี (16 ก.พ.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดนครราชสีมา (5 มี.ค.) ขอนแก่น (7 มี.ค.) อุบลราชธานี (9 มี.ค.) ภาคเหนือที่จังหวัด พิษณุโลก (21 พ.ค.) เชียงใหม่ (23 พ.ค.) เชียงราย (25 พ.ค.) ภาคใต้ ที่จังหวัดภูเก็ต (11 มิ.ย.) สุราษฎร์ธานี (13 มิ.ย.)และสงขลา (15 มิ.ย.)--จบ--
-อน-