กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--ซีเคร็ท คอมมูนิเคชั่นส์
จากกรณี นายนิธินนท์ ศรีธานิยานนท์ อายุ 25 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมืองหนองคาย แห่งที่ 1 จับกุมพร้อมของกลางถังไนโตรเจน 1 ถัง ภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด ของบุคคล 2 คน ที่อ้างว่าเป็นของคนสัญชาติจีน และเวียดนาม จนเป็นข่าวดังในชั่วข้ามคืน เพราะการกระทำดังกล่าว เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มาตรา 41 ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอซื้อ ขาย นำเข้า ส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน โดยหลังจากโดนจับกุม นายนิธินนท์ ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนได้รับจากขนอสุจิดังกล่าวให้กับคลินิกผู้มีบุตรยาก 4 แห่งใน กรุงเทพ ฯ ซึ่ง 1 ในนั้น มีการพาดพิงถึง ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที เพื่อนำไปส่งให้คลินิกในนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว และกรุงพนมเปญ กัมพูชา โดยได้รับค่าจ้างครั้งละ 5,000 บาท ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น วันนี้ (วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2560) นายศรายุธ อัสสมกร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที. ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าว ณ ห้องประชุมชั้น L ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที อาคารวานิช 2 ถนนเพชรบุรี โดย นายศรายุธ อัสสมกร กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น ทางศูนย์ฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่ถูกจับกุม แต่อย่างใด และไม่เคยมีการว่าจ้างผู้ถูกจับกุมให้ขนเสปิร์มไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำไปใช้ในการอุ้มบุญตามที่ตกเป็นข่าว เพราะที่ผ่านมาทางศูนย์ซูพรีเรีย ไม่เคยให้การสนับสนุน การอุ้มบุญ หรือการซื้อขายเสปิร์ม ขายไข่ เนื่องจากการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม ซึ่งถือเป็นนโยบายชัดเจนของศูนย์ฯ เรา อีกทั้งทางศูนย์ฯ ไม่มีบริการทางด้านการขนส่ง หรือ แนะนำบริษัท หรือผู้ดำเนินการขนส่งให้กับคนไข้แต่อย่างใด สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น ผมอยากชี้แจงว่า คนไข้ทั้งสองรายได้เข้ามาขอคำปรึกษา การรักษาผู้มีบุตรยากกับทางศูนย์ฯ ของเรา โดยหลังจากปรึกษากับแพทย์และเจ้าหน้าที่ คนไข้มีความประสงค์จะทำการเก็บสเปิร์ม ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการของการทำ IVF โดยปกติแล้วทางศูนย์ของเรา มีบริการรับฝากเสปิร์ม รับฝากไข่อยู่แล้ว โดยเราทำหน้าที่คล้ายๆ ธนาคารที่รับฝากเงิน เพียงแต่เป็นการรับฝากเสปิร์มและไข่ของคนไข้ ซึ่งมีกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง เรามีการตรวจสอบเอกสารของคนไข้แต่ละรายอย่างละเอียด มีการทำสัญญารับฝากอย่างชัดเจน ซึ่งตลอดระยะเวลาการรับฝาก เราก็มีกระบวนการเก็บรักษาที่ได้มาตรฐาน ในกรณีดังกล่าวคนไข้มีความประสงค์จะนำเสปิร์มของตนเองออกจากศูนย์ฯ โดยได้เซ็นเอกสารการขอย้ายเสปิร์มออกจากศูนย์ฯ พร้อมทั้งเอกสารประกอบคือ หนังสือเดินทางของคนไข้เอง ซึ่งเป็นไปตามระเบียบ คนไข้มีความประสงค์และได้ทำการเซ็นเอกสารมอบอำนาจให้ผู้ขนส่งเป็นผู้ดำเนินการในการมารับเสปิร์มของคนไข้เองแทน และเจ้าหน้าที่ของเราได้ทำการตรวจสอบเอกสารทุกอย่างที่นำมา ไม่ว่าจะเป็น พาสสปอร์ต ใบมอบฉันทะ และหนังสือสัญญาการฝากเสปิร์ม มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจเอกสารอย่างละเอียดทุกอย่างถูกต้องหมด เราจึงนำเสปิร์มที่ฝากไว้คืนให้กับคนไข้ตามความประสงค์ของคนไข้เอง นายศรายุธ อัสสมกร กล่าวต่อว่า จากกรณีดังกล่าว ทางศูนย์ฯ มีหน้าที่ในการให้บริการรับฝากเสปิร์มของคนไข้ แต่หากคนไข้มีความประสงค์จะนำเสปิร์มของคนไข้ที่ฝากไว้ออกจากศูนย์ฯ คนไข้สามารถแจ้งความจำนงเพื่อย้ายเสปิร์มออกจากศูนย์ฯ ได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วยโดยชอบธรรม เนื่องจากเสปิร์มนั้นเป็นทรัพย์สินของคนไข้ ทางศูนย์ฯ ได้มีการชี้แจงกับคนไข้ว่า การย้ายเสปิร์มออกเป็นสิทธิของคนไข้ แต่การนำเข้า ส่งออก เสปิร์ม ไข่ ตัวอ่อน ออกนอกประเทศได้ เนื่องจากเป็นสิ่งผิดกฎหมาย สรุปเปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนเราเอาเงินไปฝากธนาคาร ธนาคารมีหน้าที่ดูแลเงินให้เรา แต่เมื่อเราไปถอนเงินออกจากธนาคาร เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถยับยั้งความประสงค์ที่จะถอนเงินได้ เพราะมันเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของลูกค้า ซึ่งเราได้ทำการตรวจสอบทุกขั้นตอน เอกสารทุกอย่างก็ถูกต้อง ดังนั้นจึงอยากให้สื่อและประชาชนเข้าใจข้อมูลตรงนี้ ซึ่งเราขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ว่า ตลอดระยะเวลา 10 เราดำเนินธุรกิจอย่างถูกกฎหมาย โดยให้บริการคำปรึกษาสำหรับผู้มีบุตรยาก บริการรับฝากสเปิร์มและไข่ โดยมีกระบวนการทำงานที่ชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้