กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--IR Network
ผู้ถือหุ้น บมจ.สาลี่ คัลเล่อร์ (COLOR) อนุมัติปันผลในอัตรา 0.035 บาท/หุ้น กำหนดจ่าย17 พ.ค.นี้ ด้านผู้บริหาร "ขวัญชัย ณัฏฐ์เศรษฐ์" กางแผนธุรกิจปีนี้ ปักธงรายได้ทะลุ 1 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 18% เทียบปีที่ผ่านมา หลังเปิดเกมรุกธุรกิจอย่างหนัก หวังผลักดันส่วนแบ่งตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 15% พร้อมบุกตลาดส่งออกเต็มสูบ เผยอยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องจักรใหม่ คาดเดินเครื่องทดสอบปลายเม.ย.นี้ ดันกำลังผลิตแตะ 60,000 ตัน/ปี หนุนผลงานปีนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นายขวัญชัย ณัฏฐ์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) (COLOR) ผู้นำด้านมาสเตอร์แบตซ์สำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกในรูปแบบของเม็ดพลาสติกผสมสี และสารเติมแต่งแบบเข้มข้น เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 มีมติอนุมติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจากกำไรของปี 2559 และกำไรสะสมของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.035 บาท รวมเป็นเงิน 20.4 ล้านบาท โดยกำหนดให้วันที่ 3 พฤษภาคม 2560 เป็นวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) และรวบรวมรายชื่อตามมาตรา 255 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 4 พฤษภาคม 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวในวันที่ 17 พฤษภาคม 2560
กรรมการผู้จัดการ COLOR กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 2560 ว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโต 18% จากปีก่อนหรือมากกว่า 1 พันล้านบาท เนื่องจากมีแผนขยายส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในประเทศเพิ่มเป็น 15% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 12% และเพิ่มสัดส่วนธุรกิจส่งออกไปยัง ASEAN ออสเตรเลียและยุโรปเป็น 20% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่13% นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีปริมาณคำสั่งซื้อค้างส่งจากปี 2559 คิดเป็นประมาณการรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าการเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าในกลุ่มฟิลเล่อร์ (Mineral Filler Masterbatches) อีก15,000-20,000 ตัน ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องจักร โดยคาดว่าน่าจะเดินเครื่องทดสอบได้ปลายเดือนเมษายนนี้ ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตมาสเตอร์แบตซ์โดยรวมเป็น 60,000 ตันต่อปี
"เรามุ่งเน้นการดำเนินนโยบาย ขยายและพัฒนาตลาดการใช้มาสเตอร์แบตซ์เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีการผลิต การคัดสรรวัตถุดิบ ประสบการณ์ ความชำนาญของบุคลากรและแนวทางการบริหารธุรกิจที่ทันสมัย การวิจัยพัฒนาสินค้าใหม่เป็นแรงขับเคลื่อนองค์กรควบคู่ไปกับประสิทธิภาพและต้นทุนที่แข่งขันได้ในการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน รองรับความต้องการในอุตสาหกรรมพลาสติก ตั้งแต่ระดับผู้ผลิตเม็ดพลาสติกไปจนกระทั่งผู้บริโภคทุกระดับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั่วทั้งภูมิภาค" นายขวัญชัย กล่าวในที่สุด