กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--โมเดอร์น กรุ๊ปฯ
โมเดอร์น กรุ๊ปฯ รุกธุรกิจโครงการบ้านจัดสรร ระบุนำระบบวิธีการทำงานแบบบริษัทรับสร้างบ้านมาใช้กับโครงการบ้านจัดสรร เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องบ้านให้กับลูกค้า รวมทั้งแก้ปัญหาแก่เจ้าของโครงการ พร้อมเผยติดต่อกับบริษัท เจ้าของโครงการแล้ว 2 ราย
นายสมพงษ์ กิตติมหาคุณ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เดอะ โมเดอร์น กรุ๊ป เรียล พร็อพเพอทิ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ช่องทางการตลาดล่าสุดของบริษัทคือการรุกเข้ารับงานสร้างบ้านให้กับโครงการหมู่บ้านจัดสรร เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้ลูกค้า หรือ ผู้ที่ต้องการมีบ้านเป็นของตนเองจำนวนไม่น้อยที่ซื้อบ้านจากโครงการจัดสรรแล้วประสบปัญหาในเรื่องบ้าน อาทิ จ่ายเงินไปแล้วไม่ได้บ้าน หรือ จ่ายเงินแล้วแต่บ้านไม่เสร็จตามที่ตกลงกันไว้ เนื่องจากเจ้าของโครงการประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางด้านการเงิน ฯลฯ ซึ่งการที่บริษัท ฯ หันมาร่วมงานกับเจ้าของโครงการจัดสรรในครั้งนี้จะช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าที่ต้องการมีบ้านได้
"ที่ผ่านมา โมเดอร์น กรุ๊ปฯ เป็นบริษัทรับสร้างบ้านบนที่ดินของลูกค้า ซึ่งในด้านการจ่ายเงินระหว่างธุรกิจรับสร้างบ้านกับธุรกิจเจ้าของโครงการหมูบ้านจัดสรรจะแตกต่างกัน ธุรกิจรับสร้างบ้านจะมีการชำระเงินเป็นงวด ๆ ตามมูลค่าของการก่อสร้างจริง ในขณะที่โครงการหมู่บ้านจัดสรรนั้น เมื่อลูกค้าเห็นโครงการแล้วมีความพอใจก็จะทำสัญญาจองมีการจ่ายเงินจอง จากนั้นจะเป็นการจ่ายเงินดาวน์ และผ่อนเป็นงวดๆ และเมื่อมียอดจองในปริมาณหนึ่งที่เพียงพอแล้วเช่น 10 หรือ 20 หลัง โครงการจึงจะมีการสร้างบ้านให้ พอเกิดภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ จึงมีปัญหาเกิดขึ้น เพราะทั้งเจ้าของบ้านและเจ้าของโครงการขาดสภาพคล่องทางการเงินดังกล่าว ส่งผลให้เป็นหนี้ เอ็นพีแอล กันหลายโครงการ " นายสมพงษ์กล่าว
ทั้งนี้การที่ โมเดอร์น กรุ๊ปฯ นำวิธีการสร้างบ้านของบริษัทรับสร้างบ้านมาใช้ในการทำธุรกิจในโครงการหมู่บ้านจัดสรร ก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้เจ้าของบ้านว่าบ้านของท่านต้องสร้างให้แล้วเสร็จตามที่ตกลงกันไว้ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างงานให้กับบริษัทรับสร้างบ้านและเจ้าของโครงการหมูบ้านจัดสรร สำหรับโครงการจัดสรรที่โมเดอร์น กรุ๊ปฯ เข้ารับงานสร้างบ้านให้ขณะนี้มี 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และ บริษัท เรียลตี้ เวิลด์ จำกัด ส่วนวิธีการทำงานนั้น บริษัทโมเดอร์น กรุ๊ปฯ จะรับผิดชอบเฉพาะในส่วนของการก่อสร้างบ้านเท่านั้น ส่วนที่ดินจะเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของโครงการฯ
นายสมพงษ์ กล่าวว่า การทำธุรกิจด้วยวิธีนี้เห็นว่าเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการฟื้นฟูและขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านและเจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรต่าง ๆ เริ่มมองเห็นช่องทางและเริ่มจับมือกันทำธุรกิจ อย่างไรก็ตามการทำธุรกิจแบบนี้เหมาะสำหรับบริษัทที่รับสร้างบ้านรายใหญ่ ๆ มากกว่า เนื่องจากโครงการหมูบ้านจัดสรรเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ มีบ้านจำนวนมาก ดังนั้นจะต้องแหล่งมีเงินทุนที่มั่นคงพอสมควร ในการดำเนินการจัดการให้สำเร็จ
สอบถามข้อมูลข่าวเพิ่มเติมที่ คุณอมรรัตน์ แถบทอง
ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์
โทรศัพท์ 0 - 956 - 5276
โทรสาร 0 - 956 - 5275--จบ--
-อน-