กกต. แจงแนวปฏิบัติการหาเสียงตาม ม.49

ข่าวทั่วไป Tuesday November 14, 2000 09:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--กทม.
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองปิดประกาศในสาธารณสถานซึ่งเป็นของรัฐได้ แต่ควรสอบาถามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อน ขณะนี้การกำหนดสถานที่ปิดประกาศของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ยังต้องรอการประชุมหารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครก่อน
นายโคทม อารียา กรรมการการเลือกตั้ง แถลงว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีประกาศ เรื่องการจัดสถานที่ปิดประกาศและที่ติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งในบริเวณสาธารณะที่เป็นของรัฐ ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ก่อนที่จะประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าว กฎหมายบัญญัติให้ต้องมีการประชุมหารือระหว่างหัวหน้าพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ทั้งนี้ทางกกต.ได้นัดหมายประชุมหารือกับหัวหน้าพรรคการเมือง ประมาณวันที่ 25-26 พ.ย.43 ดังนั้นขณะนี้ผู้สมัครพรรคการเมืองสามารถปิดประกาศในบริเวณสาธารณสถานซึ่งเป็นของรัฐไปพลางก่อนได้ โดยไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.
อย่างไรก็ดี จากการปรึกษาหารือกับพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 2 พ.ย.43 คณะกรรมการการเลือกตั้งได้เสนอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเป็นผู้กำหนดสถานที่ปิดประกาศและไม่มีพรรคการเมืองแสดงความคิดเห็นเป็นอย่างอื่น จึงคาดว่าจะได้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับที่เคยเป็นมาในอดีต
ดังนั้น ถ้าผู้สมัครหรือพรรคการเมืองสอบถามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องก่อนเริ่มปิดประกาศ ก็จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาการปิดประกาศผิดที่ทำให้ต้องโยกย้ายป้ายประกาศในภายหลัง อนึ่ง คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ออกประกาศ เรื่องการโฆษณาหาเสียงและการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์เช่นเดียวกัน เพื่อให้สถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีวิทยุโทรทัศน์ และเคเบิ้ลทีวีสามารถจัดทำรายการหรือจัดสรรเวลาเพื่อให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองโฆษณาหาเสียงหรือออกอากาศได้ โดยต้องจัดให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองมีโอกาสเท่าเทียมกัน และเมื่อได้หารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแล้ว ก็จะกำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาการออกอากาศในส่วนของสปอตของผู้สมัครและพรรคการเมือง และการแถลงนโยบายของพรรคการเมืองเพิ่มเติมต่อไป
นายโคทม กล่าวด้วยว่า ในประกาศของกกต. ดังกล่าวยังระบุอีกว่า การจัดสรรเวลาให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองทางสถานีที่มีสัญญาณกว้างไกลให้ถือเป็นการจัดสรรเวลาให้แก่พรรคการเมือง โดยคำนึงถึงจำนวนผู้สมัครของแต่ละพรรค ส่วนการจัดสรรเวลาให้ผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น ให้ทางสถานีท้องถิ่นจัดสรรเวลาสำหรับผู้สมัครทุกคนของแต่ละเขตเลือกตั้งโดยเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ดี สถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีวิทยุโทรทัศน์สามารถนำเสนอข่าวหรือบทวิเคราะห์ข่าวตามหลักวิชาชีพด้วยความเป็นกลางได้ตามปกติ--จบ--
-นศ-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ