กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร (บุน-ยะ-ประพัด-สอน) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรและแผนปฏิบัติงานเกษตรอินทรีย์ พร้อมพบปะเกษตรกรในพื้นที่แปลงใหญ่ จ.ปทุมธานี ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามการดำเนินงานในเรื่องข้าวครบวงจรและนาแปลงใหญ่และเกษตรอินทรีย์ โดยได้ร่วมประชุมติดตามร่วมกับหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และรับทราบรายงานการปฏิบัติการผลิตข้าวครบวงจรและนาแปลงใหญ่ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญในการทำเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็งและผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิต) โดยทางรัฐบาลจะมีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาให้ความรู้และช่วยเหลือทั้งในเรื่องปัจจัยการผลิตที่จำเป็น รวมทั้งในเรื่องของแหล่งน้ำ และหากเกษตรมีปัญหาอุปสรรคในการทำนาแปลงใหญ่ ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ รวมทั้งมีการติดตามผลการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง
การดำเนินโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) ในปีงบประมาณ 2560 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การพิจารณาเข้าร่วมเพื่อเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการได้เพิ่มขึ้น โดยปรับแก้เกณฑ์การเข้าร่วมจากการรวมกลุ่มเกษตรกรอย่างน้อย 50 รายและพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1,000 ไร่ เป็นการรวมกลุ่มเกษตรกรอย่างน้อย 30 ราย และพื้นที่รวมกันตั้งแต่ 300 ไร่ขึ้นไป โดยเกณฑ์การพิจารณาในส่วนของการรวมกลุ่มให้เน้นการรวมกลุ่มที่มีการแบ่งหน้าที่ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ศัตรูพืช (อารักขาพืช) และด้านเครื่องจักรกลการเกษตร หากพื้นที่ไม่เหมาะสมตาม Agri Map ให้พิจารณาว่าสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับการปลูกข้าวได้หรือไม่ มีน้ำเหมาะสมต่อการปลูกข้าวหรือสามารถจัดหาแหล่งน้ำที่เพียงพอได้ และให้กลุ่มเกษตรกรที่สนใจสามารถสมัครได้เอง โดยมีวิธีการรับสมัคร คือ จัดทำใบสมัครเข้าร่วมแปลงใหญ่ที่มีข้อมูลพื้นฐานกลุ่มเกษตรกรและพื้นที่เพาะปลูก เพิ่มสถานที่รับสมัครที่สำนักส่งเสริมการผลิตข้าว ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ศูนย์วิจัยข้าว และสำนักงานเกษตรอำเภอ โดยมีขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติที่สะดวกและรวดเร็วจึงให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แบบเบ็ดเสร็จ (Single Command : SC) และแจ้งคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทราบ ซึ่งการดำเนินการส่วนนี้แล้วเสร็จตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ด้าน นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) ในปี 2560 ขณะนี้มีจำนวน 1,175 แปลง พื้นที่ 1,791,632 ไร่ แบ่งเป็นแปลงต่อเนื่องจำนวน 425 แปลง พื้นที่ 1,046,895 ไร่ และแปลงใหม่ จำนวน 750 แปลง พื้นที่ 744,737 ไร่ โดยในส่วนของจังหวัดปทุมธานีมีการดำเนินการนาแปลงใหญ่ 10 แปลง โดยเป็นแปลงต่อเนื่อง จำนวน 6 แปลง พื้นที่ 20,848.50 ไร่ เกษตรกร 933 ราย และมีแปลงใหญ่ตามหลักเกณฑ์ใหม่จำนวน 4 แปลง พื้นที่ 3,881 ไร่ เกษตรกร 147 ราย โดยมีการส่งเสริมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว โดยการลดต้นทุนการผลิตในการผลิตปัจจัยการผลิตใช้เอง เพิ่มผลผลิตจากการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเฉพาะพื้นที่ เพิ่มสมรรถนะในการบริหารจัดการการผลิตแบบครบวงจร และการจัดการด้านการตลาด
ทั้งนี้ จ.ปทุมธานี มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปี 251,429.04 ไร่ เกษตรกรปลูกข้าวนาปี 10,763 ครัวเรือน พันธุ์ข้าวที่ปลูกในฤดูนาปี ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ พื้นที่ 143 ไร่ เกษตรกร 11 ครัวเรือน ข้าวหอมปทุม พื้นที่ 23,428.12 ไร่ เกษตรกร 840 ครัวเรือน ข้าวเจ้า 227,607.66 ไร่ เกษตรกร 9,912 ครัวเรือน ข้าวเหนียว พื้นที่ 3 ไร่ เกษตรกร 1 ครัวเรือน ข้าวสี พื้นที่ 242.25 ไร่ เกษตรกร 17 ครัวเรือน และข้าวอินทรีย์ พื้นที่ 5 ไร่ เกษตรกร 1 ครัวเรือน