กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--
สยาม เอาท์เลต ผู้ให้บริการคลังสินค้าและโลจิสติกส์สำหรับองค์กรธุรกิจและร้านค้าออนไลน์แบบครบวงจร นำกลยุทธ์การบริหารแบบไคเซ็น (Kaizen) พัฒนาพนักงานและระบบการทำงาน ผสานกับเทคโนโลยีสร้างระบบซอฟท์แวร์ตรวจสอบข้อมูล ช่วยประหยัดเวลาการทำงานและลดความผิดพลาดในทุกขั้นตอน สร้างประสิทธิภาพงานได้ 100 % พร้อมเติบโตอย่างก้าวกระโดด คาดจะมีร้านค้าออนไลน์ใช้บริการเพิ่มขึ้น 200 % มีจำนวนสินค้าที่ส่งออกจากโกดังเดือนละกว่า 100,000 ออร์เดอร์ (คำสั่งซื้อ)
นางสาวพิมพ์ฐดา สหัชอติเรกลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยาม เอาท์เลต จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่สยาม เอาท์เลต เป็นผู้ให้บริการคลังสินค้าและโลจิสติกส์สำหรับองค์กรธุรกิจและร้านค้าออนไลน์ ซึ่งต้องทำงาน อย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้อง เพื่อให้ผลงานมีประสิทธิผลและรวดเร็ว โดยใช้หลักการของไคเซ็น (Kaizen) ซึ่งมีคุณมาซารุ ซูกาตะ ผู้เชี่ยวชาญด้านไคเซ็น จากบริษัท อี โลจิส (e-LogiT) ชาวญี่ปุ่น เป็นที่ปรึกษาในด้านการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ พร้อมนำเทคโนโลยีซอฟท์แวร์ ซึ่งมีคุณธีรวีร์ ศิรินภสวัสดิ์ ที่ปรึกษาของบริษัทเป็นผู้คิดค้นโปรแกรมและได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ช่วยพัฒนาบริการให้มีความเป็นนวัตกรรม เช่น ด้านกระบวนการและตัวระบบ ช่วยให้ประหยัดเวลาการทำงานมากขึ้น ลดความผิดพลาดเป็น 0% สามารถรองรับทุกความต้องการของร้านค้าได้มากที่สุด
"สยาม เอาท์เลต ต้องการพัฒนาพนักงานและระบบการทำงานให้ดีที่สุด อาศัยหลักการของไคเซ็น คือ กล้าที่จะเปลี่ยนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น บริหารพื้นที่จัดเก็บของทำให้วางสินค้าได้มากขึ้น ทำให้พนักงานหยิบของได้รวดเร็วถูกต้อง พร้อมกับนำระบบซอฟท์แวร์มาช่วยตรวจสอบข้อมูลการแจ้งคำสั่งซื้อที่ซ้ำซ้อน เพื่อลดความผิดพลาดและประหยัดเงินให้กับร้านค้า รวมถึงการตรวจสอบสินค้าก่อนแพ็กลงกล่อง ที่ระบบจะมีการตรวจทานและเตือนหากพนักงานหยิบของผิด เพื่อตรวจสอบสินค้าอย่างน้อย 3 รอบก่อนจัดส่ง ซึ่งผลที่ได้รับจากการปรับเปลี่ยนคือ เราประหยัดเวลาในการทำงานและงานถูกต้องมากขึ้น สามารถตรวจสอบคุณภาพสินค้า และดูแลร้านค้าได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันร้านค้าออนไลน์ที่เป็นลูกค้ามีความไว้วางใจและประทับใจมากขึ้นด้วย ทำให้ปัจจุบันเราสามารถส่งสินค้าออกจากโกดังได้ทะลุ 80,000 ออร์เดอร์ต่อเดือน และคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 นี้จะมีร้านค้าออนไลน์ใช้บริการเพิ่มขึ้น 200 % มีจำนวนสินค้าที่ส่งออกจากโกดังเดือนละกว่า 100,000 ออร์เดอร์"
ผู้บริหารสยาม เอาท์เลต กล่าวเพิ่มเติมว่า "ปัจจุบันเรามีร้านค้าออนไลน์ที่ใช้บริการกว่า 200 ราย และพร้อมจะขยายการให้บริการคลังสินค้าและโลจิสติกส์ หนุนเสริมการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย โดยเร็วๆ นี้ สยาม เอาท์เลต จะเปิดให้บริการเก็บเงินปลายทาง (COD) เต็มรูปแบบ หลังจากที่เราได้ทดสอบการมาซักระยะ เพื่อรองรับไปยังกลุ่มลูกค้าที่อยู่ไกลมากยิ่งขึ้น รวมถึงเราจะเริ่มทดสอบส่งสินค้าที่ต้องรักษาความเย็น ซึ่งจะเริ่มต้นทดสอบกับร้านค้าเฉพาะกลุ่มที่ร่วมพัฒนากับเราก่อนค่ะ"