กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
วันที่ 30 เมษายน 2560 เวลา 12.00 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและ การบินเกษตร เปิดเผยว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกับศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับเกษตรกรและอาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่ เรื่องการขอรับบริการฝนหลวง เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้น สามารถช่วยลดต้นทุน การผลิต ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายสุรสีห์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกรและการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่องการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการในพื้นที่ภาคใต้ พบว่า เกษตรกรในพื้นที่ มีความต้องการใช้น้ำ เพื่อการเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่การปลูกปาล์ม ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญอีกชนิดหนึ่งที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างดี และเป็นพืชที่ชอบสภาพภูมิอากาศที่มีฝนตกชุกและสม่ำเสมอตลอดปีด้วย ดังนั้น น้ำจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและมีผลผลิตที่ดีได้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงสร้างการรับรู้และความเข้าใจในเรื่องการขอรับบริการฝนหลวงและการปฏิบัติภารกิจ โดยเกษตรกรสามารถติดต่อแจ้งความต้องการผ่านอาสาสมัครฝนหลวงหรือศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงได้ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ ดำเนินการสนับสนุนฝนช่วยเหลือเกษตรกรที่ขอรับบริการฝนหลวงให้ตรงพื้นที่อย่างเร่งด่วน
สำหรับการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรจากการขอรับบริการฝนหลวงและเติมน้ำในเขื่อนต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค กรมฝนหลวงและการบินเกษตรยังคงปฏิบัติภารกิจทุกวันต่อเนื่อง โดยจากการปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม – 29 เมษายน 2560 มีการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 55 วัน 936 เที่ยวบิน (1365:10 ชั่วโมงบิน) ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 800.4 ตัน พลุซิลเวอร์ ไอโอไดด์สำหรับภารกิจปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 286 นัด มีจังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 55 จังหวัด มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างสะสมรวม 154.23 ล้าน ลบ.ม. อย่างไรก็ตาม ประชาชนและเกษตรกรสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารฝนหลวงได้ทุกวันที่เพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือเว็บไซต์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร