INGRESS (INGRS) ผู้นำระดับอาเซียน เลือกเข้าจดทะเบียนใน SET ปีนี้ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ใน 4 ประเทศ โชว์กำไรประจำปี 210.40 ล้านบาท คาดอุตสาหกรรมรถยนต์เอเชีย กลับมาบูม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 3, 2017 13:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 พ.ค.--แบรนด์ เวลท์ บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ (INGRS) ประกาศตัวเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ระดับอาเซียนรายแรกที่จะเข้าจดทะเบียนใน SET โชว์จุดแข็งฐานการผลิต 9 บริษัทย่อยใน 4ประเทศ พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีระดับสูง และฐานลูกค้าขนาดใหญ่ เตรียมรองรับอุตสาหกรรมรถยนต์อาเซียนฟื้นตัวแรงและตลาดอินเดียที่เติบโตสูง นายอับดุล ราฮิม บินฮายี ฮิตัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ (INGRS) กล่าวว่า "บริษัทฯ เป็นผู้นำของอาเซียนในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ได้รับการส่งออกไปทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย โดยบริษัทมีวิสัยทัศน์เป็นบริษัทอาเซียนที่มีเครือข่ายทั่วโลก จึงได้พัฒนาความเชี่ยวชาญทั้งทางด้านเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตระดับสากล สามารถแข่งขันได้ในทุกตลาดสำคัญในอาเซียนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูง ทำให้มีธุรกิจที่มั่นคงแข็งแรง INGRS มีจุดเด่นหลายประการคือ มีโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ที่เน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง ให้กับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำอาทิ ฮอนดา มิตซูบิชิ ฟอร์ด มาสด้า เจนเนอรัล มอร์เตอร์ อีซูซุ ซูซุกิ นิสสัน โตโยตา ไดฮัทสุ เพอโรดัว และโปรตอน รวมถึงบริษัทรถยนต์ในอินเดียอาทิ มารูติ-ซูซุกิ เฟียต และ มหินดรา-มหินดรา และด้วยการมีฐานการผลิต 10 แห่งใน 4 ประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และมั่นคง ทั้งในด้านคุณภาพ ต้นทุน และการส่งมอบสินค้า ทำให้ธุรกิจของบริษัทฯมีความมั่นคงสูง" INGRS มุ่งเน้นการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แบบครบวงจร ตั้งแต่การวิจัยพัฒนาสายการผลิต การออกแบบและผลิตเครื่องมือ การผลิตชิ้นส่วน การปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง การตลาดและการขายสินค้าให้กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งกลุ่มรถยนต์นั่ง (Passenger cars) รถตรวจการณ์ (SUV) รถกระบะขนาด 1 ตัน (Pickup Trucks) และ รถบรรทุกขนาดเล็กให้กับลูกค้าต่างๆในประเทศอาเซียน ซึ่งการมีฐานธุรกิจในหลายประเทศ ทำให้บริษัทมีโอกาสในการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคต จากหลายประเทศ นาย อับดุล ราฮิม กล่าวว่า "อนึ่งสำหรับงบปี 2560 สิ้นสุด 31 มกราคม 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,916 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิสำหรับปี* 210.40 ล้านบาท (หลังจากหักค่าใช้จ่ายทางภาษีตามเกณฑ์ใหม่ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจำนวน 32 ล้านบาท) ซึ่งกำไรเติบโตขึ้น 19% จากกำไรสำหรับปี* 177 ล้านบาทในปี 2558 แม้นรายได้รวมจะลดลงจาก 3,159 ล้านบาท ตามสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ชะลอตัว เนื่องจากบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ (เน็ตมาร์จิ้น) ที่พุ่งขึ้น เป็นร้อยละ 7.2 โดยบริษัทฯคาดว่า จะได้รับประโยชน์จากสภาพเศรษฐกิจของอาเซียนที่ปรับตัวดีขึ้นและจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆสู่ตลาด ทั้งนี้ บริษัทฯมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ หลังหักภาษีเงินได้ของงบการเงินรวมและภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฏหมาย ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ มี 3 กลุ่มคือ ผลิตภัณฑ์รีดขึ้นรูป (Roll Forming Products) ผลิตภัณฑ์ปั๊มขึ้นรูปและโมดุล (Stamping & Module Assembly Products) และเครื่องมือยึดจับและแม่พิมพ์ (Tool & Dies) และ ระบบการผลิตแบบอัตโนมัติ (Automation Integration Solutions) นอกจากจุดแข็งด้านคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูงและบุคคลากรมืออาชีพแล้ว บริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญจากประเทศญี่ปุ่นคือ บริษัท คาตายามา โคเกียว จำกัด , บริษัท เมทัล เท็ค จำกัด และบริษัท อิวาโมโต จำกัด " ปัจจุบันบริษัทฯได้แปรสภาพเป็นมหาชน และมีทุนจดทะเบียน 1,446,942,690 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) ซึ่งบริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO ต่อประชาชนในครั้งนี้รวมทั้งสิน ไม่เกิน 578,442,900 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 40 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ เพื่อรองรับจากการขยายฐานการผลิต เพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและใช้คืนเงินกู้ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย โดยมี บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ INGRS ภายในไตรมาส 3 ปีนี้" หมายเหตุ กำไรสำหรับปี (ก่อนหักส่วนที่เป็นของผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมของบริษัทย่อย)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ