กรุงเทพฯ--3 พ.ค.--MMM Digital Asset
มหากาพย์การไล่ล่าลูกโอ๊กของเจ้าสแครทได้เหวี่ยงเขาออกไปสู่อวกาศ แล้วด้วยความบังเอิญสแครทก็ได้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ ในจักรวาลซึ่งส่งผลเปลี่ยนแปลงสภาพและคุกคามโลกยุคน้ำแข็ง เพื่อรักษาชีวิตของตนไว้ ซิด แมนนี ดิเอโก และสัตว์ตัวอื่นๆ ในฝูงจึงต้องจากบ้านและเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความขำขันและการผจญภัย พวกเขาเดินทางไปยังดินแดนใหม่อันลึกลับและได้พบตัวละครใหม่อันมีสีสันมากมาย
ผู้ชมทั่วโลกต่างรักหนังในตระกูล Ice Age ซึ่งเป็นแฟรนไชส์หนังแอนิเมชันอันดับสองของโลก เรื่องราวใหม่แต่ละตอนยิ่งเพิ่มความน่าลุ้น ความยิ่งใหญ่ การผจญภัย ความขำขัน และความน่าประทับใจ ICE AGE: COLLISION COURSE จึงกลายเป็นภาคที่ยิ่งใหญ่และทะเยอทะยานที่สุดในซีรีส์หนังตระกูลนี้ ด้วยการนำผู้ชมไปยังสภาพแวดล้อมใหม่อย่างในอวกาศและในโลกผลึกคริสตัลที่มีชื่อว่าจีโอโทเปีย หนังภาคนี้จึงนับเป็นบทสำคัญในเรื่องราวของ Ice Age โดยตัวละครหลายตัวก็ได้เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ด้วย
ที่มาของเรื่องราวในภาคใหม่นี้ซ่อนอยู่ใน Ice Age ภาคแรก ผู้อำนวยการสร้าง ลอรี ฟอร์เต ทำงานในแฟรนไชส์นี้มาตั้งแต่ต้นและนำเสนอแนวคิดมากมายที่จุดประกายให้เรื่องราวในหนัง เธออธิบายว่า "ในภาคแรก มีฉากหนึ่งที่ฝูงสัตว์เดินผ่านสิ่งที่ดูคล้าย 'พิพิธภัณฑ์' น้ำแข็ง เราจะได้เห็นปลายุคก่อนประวัติศาสตร์ ไดโนเสาร์ วิวัฒนาการของซิด จากนั้นก็มียานอวกาศหรือจานบินอยู่ลำหนึ่ง
"เรารู้มาตลอดว่ายานอวกาศลำนั้นน่าสนใจและรู้ว่ามีตำนานเกี่ยวกับยานลำนั้นซึ่งเราตั้งใจว่าจะสำรวจในสักวันหนึ่ง แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร" เธอกล่าวต่อ "เพราะฉะนั้นเราจึงตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะกลับไปยังเรื่องราวส่วนนั้นของ Ice Age และหว่านเมล็ดพันธุ์เพื่อสร้างภาค COLLISION COURSE ขึ้นมา"
ก่อนหน้านี้ชีวิตของสแครทเคยพลิกผันเพราะเทคโนโลยีมาแล้ว ในหนังสั้นที่เข้าชิงรางวัลออสการ์เรื่อง No Time for Nuts สแครทได้พบเครื่องไทม์แมชชีนซึ่งทำให้มันต้องเผชิญเหตุการณ์วุ่นวายปั่นป่วนสารพัดอย่าง
อีกสิ่งหนึ่งที่เชื่อมโยงหนังภาคนี้เข้ากับภาคแรกและภาคอื่นๆ ที่ตามมาก็คือความสัมพันธ์แบบครอบครัวในฝูงสัตว์ ซึ่งช่วยนำความอบอุ่นน่าประทับใจมาแต่งแต้มเรื่องราวการผจญภัยและความตลกขบขัน แต่เช่นเดียวกับครอบครัวส่วนใหญ่ สัตว์ฝูงนี้ต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา "เรานำครอบครัวตัวละครไปไกลกว่าที่เคย" ฟอร์เตกล่าว "เราสนุกที่ได้เห็นว่าจะผลักดันตัวละครไปได้ไกลแค่ไหน รวมถึงผลักดันโลกที่ตัวละครอาศัยอยู่และอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันด้วย เราชอบนำฮีโร่ของเราไปยังสภาพแวดล้อมที่พวกเขายังไม่พร้อมที่จะรับมือ"
ถึงกระนั้นตัวละครใน Ice Age ก็ยังฝ่าฟันอุปสรรคได้เพราะรู้จักปรับตัวตามสถานการณ์ "สัตว์ฝูงนี้มีพัฒนาการไปเรื่อยๆ" ฟอร์เตกล่าวต่อ "เมื่อโลกรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป สัตว์เหล่านี้ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตามด้วยเช่นกัน"ที่ซึ่งไม่เคยมีสแครทตัวใดเดินทางไปถึง
แน่ล่ะว่าสแครทเป็นตัวละครหนึ่งซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย ใน ICE AGE: COLLISION COURSE เขายังคงไล่ล่าลูกโอ๊กต้องคำสาปนั้นต่อไป แต่คราวนี้การผจญภัยของสแครทได้นำเขาไปยังที่ซึ่งไม่เคยมีตัวละครใน Ice Age ตัวใดเคยไปมาก่อน นั่นคือ จักรวาล ที่นั่นเองการกระทำเพี้ยนๆ ของเขาได้สร้าง "หายนะระดับสแครท" ขึ้นมา
ในหนังเรื่องนี้สแครทเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราว ไม่ใช่แค่มีฉากตลกแทรกเข้ามาระหว่างเรื่องราวหลักของฝูงสัตว์
ซึ่งก็ได้เวลาอันสมควรแล้ว เพราะสแครทอยู่ร่วมช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ธรรมชาติแทบทุกครั้ง เขานำเรามาสู่โลกยุคน้ำแข็ง เริ่มต้นการละลายของน้ำแข็ง ปลดปล่อยโลกที่สูญหายไปของไดโนเสาร์กลับมายังยุคน้ำแข็ง เริ่มต้นการแยกของทวีป และมาคราวนี้เขาก็ได้สร้างเหตุหายนะระดับจักรวาลที่คุกคามโลกยุคน้ำแข็ง "ในหนังเรื่องนี้ สแครทมีส่วนสำคัญที่ทำให้จักรวาลที่เรารู้จักแผ่ขยายออกไป" ฟอร์เตกล่าว "เป็นปรากฏการณ์บิ๊กแบงในเวอร์ชันของสแครทเลยล่ะครับ"
ผู้กำกับไมเคิล เธอร์ไมเออร์ เปิดรับโอกาสในการค้นหาสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่และเหตุหายนะให้นักล่าลูกโอ๊ครายนี้ "ผมเล็งเห็นโอกาสมากมายจากสแครท" เขากล่าว "เขากลายเป็นตัวละครแอนิเมชันคลาสสิกไปแล้ว สแครทไม่เคยหยุดยั้งความพยายามไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาก็ตาม"
เส้นทางใหม่ที่ทีมผู้สร้างหนังวางไว้ให้สแครทมีอุปสรรคใหม่ๆ ให้ต้องฝ่าฟัน ครั้งนี้เขาต้องเผชิญกับแรงโน้มถ่วง เทคโนโลยีจากโลกอื่น และความลึกลับอันไม่มีที่สิ้นสุดของจักรวาล
เมื่อลูกน้อยจากรัง: อีกหนึ่งเหตุการณ์สะเทือนโลก
เมื่อสแครทเริ่มต้นเล่นพินบอลด้วยดวงดาวต่างๆ เขาก็ได้สร้างสุดยอดภัยพิบัติครั้งร้ายแรง ด้วยการส่งกลุ่มอุกาบาตลูกเบ้อเริ่มลงมายังโลก การผจญภัยอันผิดพลาดของสแครทได้ส่งผลเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาและเปลี่ยนแปลงโลกเหมือนเช่นเคย จนร้อนถึงบรรดาฮีโร่ใต้จุดเยือกแข็งที่อาศัยอยู่บนพื้นโลก ขณะเดียวกันชาวแก๊งก็ต้องพบเหตุการณ์สะเทือนโลกอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง พีชเชส ลูกสาวของแมนนีและเอลลีกำลังจะแต่งงาน และแมนนีก็มองว่านั่นเป็นพัฒนาการที่เขาไม่ต้องการพอๆ กับลูกอุกกาบาตที่จะตกลงมาในสวนหลังบ้านของเขา
"อุกกาบาตที่พุ่งตรงเข้าสู่โลกเทียบได้กับ จูเลียน ว่าที่ลูกเขยซึ่งเข้ามาในชีวิตของแมนนี" เธอร์ไมเออร์ยืนยัน ทั้งการพุ่งเข้าชนจากวัตถุนอกโลกและเหตุการณ์ "ลูกน้อยจากรัง" ที่จะมาเยือนแมนนีและเอลลี ต่างส่งผลกระทบต่อตัวละครและโลกที่ตัวละครอาศัยอยู่อย่างรุนแรง "หนังตระกูล Ice Age มักเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของตัวละครและพัฒนาการในครอบครัวของตัวละครเหล่านี้" ผู้กำกับเสริม
โลกของแมนนีกำลังเปลี่ยนไปและเขาก็ไม่พอใจนัก พีชเชสประกาศข่าวสำคัญให้พ่อแม่รู้ และ "แมนนีมองว่าเรื่องนี้เป็นภัยคุกคาม พีชเชสไม่ได้แค่จะแต่งงาน แต่เธอกับว่าที่สามี จูเลียน กำลังจะออกไปจากฝูงและเริ่มต้นชีวิตคู่ของตัวเอง" ผู้กำกับร่วม กาเลน แทน ชู กล่าว
ในสายตาของแมนนี ไม่มีใครดีพอสำหรับพีชเชส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่โลกอาจถึงจุดจบ จูเลียนจะปกป้องลูกของเขาได้จริงหรือ แมนนีสงสัยว่าเขาพร้อมรับหน้าที่นี้หรือเปล่า
ความรู้สึกนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และเกิดขึ้นกับทุกคน บรรดาพ่อๆ รวมถึงผู้กำกับและหนึ่งในดาราผู้พากย์เสียงให้หนังเรื่องนี้สามารถยืนยันได้ เธอร์ไมเออร์กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า "ผมเองก็มีลูกสาวสองคน แล้วเวลามองดูแมนนี ผมก็จะเห็นอนาคตของตัวเอง ลูกสาวผมจะต้องเติบโตและแต่งงาน นั่นคือความจริงของชีวิต ก็ได้แต่หวังว่าผมจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของแมนนีนะครับ"
เรย์ โรมาโน กลับมามาพากย์เสียงเป็นแมนนี ตัวละครหลักผู้กุมอารมณ์ของเรื่อง สถานการณ์ในครอบครัวของเขาก็คล้ายกันกับเธอร์ไมเออร์ "ผมมีลูกสาวอายุใกล้เคียงกับพีชเชสครับ" นักแสดงและตลกผู้มีชื่อเสียงรายนี้อธิบาย "ในฐานะพ่อ มันทั้งสุขและเศร้าไปพร้อมกันนะครับ คุณอยากให้ลูกสาวมีความสุขและได้พบคนพิเศษ แต่คุณก็คิดว่าไม่ว่าเธอจะไปพบใครก็ตาม คนคนนั้นไม่มีทางดีพอสำหรับเธอหรอก แมนนีเป็นอย่างนั้นครับ เขารู้ดีว่าจูเลียนไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจูเลียนควรได้แต่งงานกับพีชเชส จูเลียนพิสูจน์ตัวเองกับแมนนี และแมนนีก็ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับว่าลูกสาวกำลังก้าวเข้าสู่อีกช่วงหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ผมรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง"
โรมาโนมีความคล้ายคลึงกับตัวละครนี้มานานแล้ว ก่อนที่แมนนีจะต้องมารับมือกับการแต่งงานของลูกสาว "แมนนีมีอะไรคล้ายผมหลายอย่างครับเพียงแต่ดีกว่าเท่านั้นแหละ" เขาพูดติดตลก "เขารักครอบครัวและชอบสภาพเดิมที่เป็นอยู่ แมนนีไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงนัก แต่โชคร้ายที่โลกของเขาและครอบครัวของเขามีแต่การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเลย"
เนื่องจากโรมาโนให้เสียงแมนนีมา 15 ปีแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาประสานเข้ากับตัวละครที่เป็นคล้ายตัวแทนของเขาในภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี "แมนนีมีความดีงามถูกต้องอยู่ในตัวเอง" ฟอร์เตกล่าว "เขาติดดินและอบอุ่น เสียงของเรย์ถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี"
เอลลี คู่ชีวิตของแมนนีก็หวั่นวิตกที่พีชเชสจะออกจากบ้านไปเช่นเดียวกับสามี แต่เธอมีแนวทางที่แตกต่างและมีหลักการมากกว่าในการจัดการกับความเปลี่ยนแปลงในครอบครัว "เอลลีต้องการให้แน่ใจว่าเธอทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อเตรียมให้พีชเชสพร้อมออกไปเผชิญโลก" ชูกล่าว เอลลีเดินทางมาไกลแล้วจริงๆ "จำได้ไหมคะว่าตอนที่เราพบเธอใน Ice Age: The Meltdown เธอยังนึกว่าตัวเองเป็นพอสซัมอยู่เลย" ควีน ลาทิฟาห์กล่าว เธอกลับมาพากย์เสียงเป็นเอลลี ถึงอย่างนั้นลาทิฟาห์ชี้ว่าเอลลีก็ยังไม่ค่อยพร้อมที่จะให้พีชเชสออกไปจากฝูง "เอลลีเข้าใจว่าทำไมพีชเชสจึงอยากออกไป แต่เธอก็ยังต้องใช้เวลาทำใจอยู่นานทีเดียว" นักแสดงและนักร้องรายนี้กล่าว "ไม่ว่าอย่างไร พีชเชสก็ยังเป็นลูกน้อยของเธอ และการเห็นลูกจากไปก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี แน่ล่ะว่าแมนนียิ่งอาการหนักกว่า เพราะฉะนั้นทั้งคู่จึงปั่นป่วนใจมากทีเดียว"
แต่ไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งพีชเชสและคู่หมั้นจากการสร้างความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในครอบครัว พีชเชสตกหลุมรักจูเลียนอย่างหัวปักหัวปำ และการแต่งงานก็กำลังจะเกิดขึ้น ถ้าบรรดาสัตว์ในฝูงช่วงปกป้องโลกจากเหตุหายนะระดับจักรวาลได้ คีคี พาลเมอร์ ซึ่งกลับมารับบทเป็นพีชเชสกล่าวว่าตัวละครตัวนี้เป็นแมมม็อธตัวเดิมที่เรารู้จักและหลงรัก แม้ว่าเธอได้ก้าวเข้าสู่ช่วงชีวิตใหม่ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและน่าหวั่นใจ "ในที่สุดพีชเชสก็ได้พบหนุ่มที่เธออยากแต่งงานด้วย" พาล์มเมอร์กล่าว "เธอพร้อมมีความรัก จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อซับซ้อนยุ่งยากขึ้นมา เพราะพ่อยังคิดว่าเธอเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ อยู่ แต่พีชเชสพร้อมที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว และเธอคิดว่าจูเลียนคือผู้ชายที่ใช่สำหรับเธอ เขาไม่จริงจังกับตัวเองมากเกินไป รักครอบครัว และแน่นอนว่ารักพีชเชส"
จูเลียนเป็นทั้งหมดที่กล่าวมาและยิ่งกว่านั้น เขารักการผจญภัย อัธยาศัยดี และพูดจาคล่องแคล่ว ออกจะคล่องไปนิดในสายตาของแมนนีด้วยซ้ำ คุณพ่อผู้นิ่งเฉยไม่ชอบการแสดงออกเว่อร์ๆ ของว่าที่ลูกเขยสักเท่าไหร่นัก พูดสั้นๆ ได้ว่า จูเลียน "เป็นทุกอย่างที่แมนนีไม่ได้เป็น แมมม็อธหนุ่มตัวนี้เป็นตัวแทนของความเปลี่ยนแปลงที่แมนนีต้องรับมือ เขาเป็นอุกกาบาตในชีวิตแมนนี!" ชูกล่าว
อดัม ดีไวน์ (Mike and Dave Need Wedding Dates) เข้าร่วมครอบครัว Ice Age ด้วยการพากย์เสียงเป็นตัวละครนี้ "จูเลียนเป็นคนเฮฮารักสนุก อ้อ หรือแมมม็อธรักสนุกนั่นล่ะครับ เขามักมองทุกคนในด้านดีอยู่เสมอและมองโลกในแง่ดีตลอดเวลา" นักแสดงรายนี้กล่าว
จูเลียนเข้ากันได้ดีกับพีชเชส แต่ทำให้แมนนีอึดอัดใจ "แมนนีเป็นเหมือนคู่ตรงข้ามกับจูเลียน" ดีไวน์กล่าวต่อ "เขาขี้หงุดหงิดและไม่ได้มองโลกในแง่ดีสักเท่าไหร่ ดังนั้นจูเลียนจึงพยายามนำเอาแง่บวกที่สดใสสวยงามเข้ามายังโลกของแมนนี"ฟอร์เตกล่าวว่าทีมงานยินดีที่ดีไวน์เข้ามามีส่วนร่วมในบทบาทนี้ "อดัมมีเสน่ห์ ความเพี้ยน และความตลก" เธอกล่าว "เขาช่วยให้จูเลียนมีชีวิตชีวา รักการผจญภัย และตลกเฮฮา จูเลียนเป็นทุกอย่างที่แมนนีไม่ได้เป็น"
"พีชเชสตกหลุมรักหนุ่มที่ดูเหมือนเป็นขั้วตรงข้ามกับพ่อของเธอ" เธอร์ไมเออร์เสริม "แต่ทั้งสองต่างก็รักพีชเชสเหมือนกัน"
เนื่องจากจูเลียนมีนิสัยง่ายๆ สบายๆ ปีเตอร์ เดอ แซฟ ผู้ออกแบบตัวละครมาตั้งแต่ภาคแรก จึงได้สร้างให้จูเลียนมีรูปร่างที่กลมมนและสูงใหญ่กว่าแมนนี "เราไม่ใช้เส้นขอบตรงเลยในการวาดจูเลียน" เดอ แซฟ ขยายความ ผู้กำกับศิลป์ ไมเคิล แนปป์ ซึ่งอยู่กับแฟรนไชส์นี้มานานเช่นกันเสริมว่า "เขาเป็นแมมม็อธตัวปุกปุยที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างมา เป็นงานออกแบบที่สนุกสนานร่าเริงเข้ากับบุคลิกของตัวละครครับ"
แม้ว่าการหมั้นของจูเลียนและพีชเชสทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่เมื่อมาถึงท้ายการเดินทางใน ICE AGE: COLLISION COURSE แมนนี ครอบครัวของเขา และสัตว์ทุกตัวในฝูงก็จะเข้าใจว่า แม้ครอบครัวจะเติบโตและเปลี่ยนแปลงไป แต่ความรักนั้นยังคงเดิม
ซิด: โอ้รักเอยเจ้าอยู่หนใด
ที่ผ่านมา Ice Age นำเสนอเรื่องราวความรักมาตลอด แมนนีมีเอลลี พีชเชสมีจูเลียน ดิเอโกมีชีรา แม้กระทั่งความผูกพันระหว่างสองพี่น้องจอมป่วนอย่างแครชและเอ็ดดีก็ยังเป็นความรักอีกรูปแบบหนึ่ง แต่เจ้าสล็อธอย่างซิดล่ะ จริงอยู่ เขามีเพื่อนๆ ในฝูงที่รักกันเหมือนพี่น้อง แต่ความรักแบบโรแมนติกดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลหรือไม่ก็เป็นไปไม่ได้เลย
ใช่ว่าซิดไม่สมควรที่จะได้พบสล็อธตัวพิเศษสำหรับเขา เธอร์ไมเออร์กล่าวว่า "ถ้าแมนนีคือแกนหลักทางอารมณ์ของหนัง Ice Age ซิดก็ต้องเป็นหัวใจของความขำขัน เขามีจิตใจดี อย่างในภาคแรกเราจะเห็นว่าเขาเป็นตัวการหลักในการรวมฝูงเข้าด้วยกันและเป็นตัวละครที่กระเทาะเปลือกนอกอันแข็งแกร่งของแมนนีได้ ใช่ว่าซิดจะไม่สนใจเรื่องความรักแต่อย่างที่ชูบอกว่า "ซิดเก็บหัวใจซ่อนเอาไว้ก่อน"
ในโลกของ Ice Age ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬารอย่างที่เราได้พบใน COLLISION COURSE ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้ รวมถึงการที่ซิดจะได้พบหนึ่งเดียวในใจเขาด้วย แต่ในตอนแรกเจ้าสล็อธผู้โชคร้ายในเกมรักก็ยังคงดำเนินชีวิตเหมือนเช่นเคย ตอนต้นเรื่องซิดถูกทิ้งอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นฟรองซีน (ให้เสียงด้วยสำเนียงนิวเจอร์ซีย์โดยเมลิสซา รอช นักแสดงจาก The Big Bang Theory) สาวที่เขาขอแต่งงาน...ตั้งแต่เดตแรก
เพราะเชื่อว่าตัวเองไม่มีทางได้แต่งงาน ซิดจึงรับหน้าที่จัดงานแต่งให้พีชเชสและจูเลียน แต่ต่อมาระหว่างการผจญภัยของพวกเขา การเดินทางไปยังโลกมหัศจรรย์ทำให้ซิดได้พบความสัมพันธ์ซึ่งทุกคนโดยเฉพาะตัวซิดเองไม่นึกไม่ฝันมาก่อน
จอห์น เลกุยซาโม นำลีลาเสียงอันเป็นเอกลักษณ์กลับมาให้ตัวละครตัวนี้ซึ่งกลายเป็นตัวละครที่เขาหลงรัก "ซิดตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ อย่างจริงใจเสมอไม่ว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม" เลกุยซาโมกล่าว "เขามีพัฒนาการและมีความรับผิดชอบมากขึ้น รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากสัตว์ทั้งฝูง"
นักแสดงรายนี้กล่าวถึงการที่ตัวละครซิดได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องยาวนานว่า "เราทุกคนมีความเป็นซิดอยู่บ้างเล็กน้อยในตัวเรา เขามองโลกในแง่ดีและมีความเชื่อมั่นแรงกล้าไม่ว่าเขาจะสร้างความวุ่นวายไปมากแค่ไหนก็ตาม"
ดิเอโกและชีรา- พร้อมหรือยังสำหรับสมาชิกใหม่
เช่นเดียวกับบรรดา "พี่น้อง" อย่างแมนนีและซิด ดีเอโกเสือเขี้ยวดาบก็ต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน จากที่เคยเป็นมือสังหารผู้ห้าวหาญโดดเดี่ยว มาตอนนี้เขาอยากเป็นพ่อเสือแล้ว แต่คู่รักของเขา ชีรา ยังไม่แน่ใจว่าเธอจะเป็นแม่ที่ดี
เปลือกนอกที่แข็งกร้าวของดีเอโกค่อยๆ อ่อนลงด้วยมิตรภาพระหว่างเขากับแมนนีและซิด และสัญชาตญาณความโหดร้ายจากการต่อสู้ก็ลดลงอีกเมื่อเขาได้พบชีรา (ใน Ice Age: Continental Drift) ซึ่งเคยเป็นสมาชิกกลุ่มโจรสลัดจนกระทั่งเธอได้มาพบดีเอโก เธอคือเนื้อคู่ที่เหมาะสมกันกับดีเอโกและทำให้เจ้าเสือตัวนี้กลายเป็นแมวเชื่องไปเลย เดนิส เลียรี กลับมาพากย์เสียงเป็นดิเอโก และเจนนิเฟอร์ โลเปซ ก็กลับมาพากย์เสียงเป็นชีรา จากที่เธอเคยพากย์ไว้ใน Continental Drift
สำหรับเลียรี การพากย์เสียงเป็นดีเอโกครั้งล่าสุดนี้กระตุ้นความทรงจำจากการทำงานในหนังภาคแรก "ผมจำได้ว่าตอนได้ยินเรย์ จอห์น และตัวผมเองอัดเสียงกันครั้งแรก" เขากล่าว "ผมคิดว่า เยี่ยม โอเค เราฟังดูเข้ากันได้ดีนะ"
นักแสดงและตลกรายนี้ยินดีที่ตัวละครได้พบประสบการณ์ใหม่ๆ "ดีเอโกเริ่มรู้สึกอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่าเขาอาจพร้อมที่จะมีลูกแล้ว" เลียรีกล่าว "เขาอยากลงหลักปักฐานและสร้างครอบครัว แต่เขากับชีราคิดว่าเด็กๆ ก็จะยังคงเกรงกลัวเสือเขี้ยวดาบซึ่งเคยน่าหวั่นเกรง"
ขณะที่แมนนี เอลลี พีชเชส ดีเอโก ชีรา และสุดท้ายซิด กำลังจะได้พบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต แต่มีสมาชิกสองตัวในฝูงที่ไม่เคยเปลี่ยน นั่นก็คือพอสซัมจอมบ้าระห่ำ แครชและเอ็ดดี ที่ชอบเล่นพิเรนทร์จนกลายเป็นฉากสุดฮาอันน่าจดจำ ที่จริงแล้วการที่โลกนี้อาจถึงจุดจบจากอุกกาบาตที่พุ่งเข้าชนก็ได้นำส่วนที่แย่ที่สุดและดีที่สุดในตัวสองพี่น้องออกมา "พวกเขาบ้าบอมาตลอดทั้งชีวิตอยู่แล้วครับ" จอช เพ็คกล่าว เขากลับมาพากย์เสียงเป็นเอ็ดดี ขณะที่ชอน วิลเลียม สก็อตผู้กลับมาพากย์เสียงเป็นแครช เสริมว่า "พวกเขาเกิดมาคู่กันอย่างแท้จริงครับ คอยมองหาเรื่องสนุกๆ และสร้างปัญหาบ้างนิดหน่อย... โอเค ต้องบอกว่าสร้างปัญหาเพียบเลยถึงจะถูก"
บั๊กมาช่วยแล้ว แถมนกไดโนเสาร์ก็ตามมาด้วย!
ฮีโร่ของแครชและเอ็ดดีคือบั๊ก วีเซิลมือดาบจอมเพี้ยนซึ่งเราได้พบใน Ice Age: Dawn of the Dinosaurs ในภาคนี้ บั๊กมาแจ้งข่าวให้เพื่อนๆ รู้ว่าฟ้ากำลังจะถล่มและโลกใกล้ถึงจุดจบแล้ว บั๊กมาคอยช่วยเพื่อนๆ ในฝูงเสมอเมื่อสถานการณ์คับขัน
หลังจากบั๊กไม่ได้มาปรากฏตัวในภาค Ice Age: Continental Drift เธอร์ไมเออร์ ผู้กำกับซึ่งเป็นแฟนของตัวละครนี้ก็ยินดีที่ได้บั๊กกลับมา "บั๊กเป็นตัวละครโปรดของผมใน Dawn of the Dinosaurs" เธอร์ไมเออร์กล่าว "ผมดีใจมากที่เราได้สร้างเรื่องราวที่สามารถดึงบั๊กกลับมาจากโลกไดโนเสาร์ได้"
เพื่อให้สมกับการกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของบั๊ก เธอร์ไมเออร์และชูจึงแนะนำตัวละครนี้อีกครั้งในช็อตยาวต่อเนื่อง "เป็นสิ่งที่เราไม่เคยลองมาก่อน" ผู้กำกับรายนี้กล่าว แนปป์เสริมว่า "ช็อตนี้นำเขากลับมาในแบบที่เพี้ยนที่สุดแล้ว"
ไซมอน เพ็กก์ กลับมาใส่ผ้าปิดตาของบั๊ก (แค่สำนวนเปรียบเทียบนะ) เพื่อพากย์เสียงเป็นนักปราบไดโนเสาร์เป็นรอบที่สอง "บั๊กโผล่มาจากโลกไดโนเสาร์ใต้พื้นพิภพ ที่นั่นมีเขาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอยู่ตัวเดียว คราวนี้ภัยคุกคามต่อตัวเขาและชาวแก๊งหนักยิ่งกว่าเดิม แต่เขาก็ยังคงเป็นฮีโร่ตาเดียวผู้น่ารักที่คุณเคยรู้จักและหลงรัก"
"บั๊กออกจะเพี้ยนนิดๆ แต่เขาเอาตัวรอดเก่งและเป็นฮีโร่" ฟอร์เตกล่าว "ไซมอนแสดงบุคลิกทั้งหมดของตัวละครนี้ออกมาได้อย่างงดงาม"ฮีโร่ทุกคนต้องมีตัวร้ายสักตัวหนึ่ง (หรือสามตัว) และศัตรูคู่อาฆาตของบั๊กก็คือทีมนกไดโนเสาร์สามตัว เกวินซึ่งเป็นพ่อ โรเจอร์ลูกชาย และเกอร์ทีลูกสาว ทั้งสามมาจากโลกอันโหดร้ายในยุคก่อนประวัติศาสตร์ พวกมันขโมยไข่ไดโนเสาร์เพื่อเลี้ยงชีพและเป็นคู่ปรับกับบั๊กในการดิ้นรนเพื่อหาอาหารและแสวงหาความยิ่งใหญ่
เมื่อบั๊กโผล่ออกมาจากโลกใต้พิภพ หลังจากทำลายแผนการขโมยไข่ของเกวิน โรเจอร์ และเกอร์ที ครอบครัวนกก็ออกไล่ล่าเขา พวกมันเล็งเห็นโอกาสที่ดีกว่าและเกิดไอเดียขึ้นมาเมื่อรู้ว่าโลกด้านบนกำลังจะถูกบดขยี้ด้วยอุกกาบาตยักษ์ "เหล่านกไดโนเสาร์คิดว่าถ้าพวกมันหยุดยั้งไม่ให้บั๊กไปช่วยโลกยุคน้ำแข็งได้ พวกนกก็จะขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอีกครั้งเพราะไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว" แม็กซ์ กรีนฟีลด์ อธิบาย เขาเป็นดาราจากซีรีส์ New Girl ที่เริ่มทำงานในหนังแอนิเมชันเป็นครั้งแรกด้วยการให้เสียงเป็นนกลูกชายผู้อ่อนแอหนัก 98 ปอนด์ชื่อโรเจอร์ แนวคิดนี้อาจฟังดูเหลวไหลติงต๊องเพราะการให้เหตุผลไม่ใช่เรื่องที่พวกนกถนัด แต่อย่างน้อยโรเจอร์ก็ได้ใช้สมองทำอย่างอื่นบ้างนอกจากเติมช่องว่างในหัว "เขาเป็นนกตัวเล็กที่สุดในฝูงก็จริง แต่โรเจอร์ก็เป็นตัวแทนของเหตุผลในเผ่าพันธุ์นก แล้วก็ถ้าจะให้ผมพูดนะ ผมว่าเขายังฉลาดที่สุดด้วย"
ผู้เป็นพ่อของครอบครัวนกไดโนเสาร์คือเกวิน ให้เสียงโดยนิค ออฟเฟอร์แมนจากละครซิตคอม Parks and Recreation นักแสดงรายนี้เห็นใจในความยากลำบากของเกวิน "เขาหงุดหงิดง่ายและรู้สึกผิดหวังกับลูกทั้งสองคน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ได้เรียนรู้ที่จะเห็นคุณค่าของลูกๆ จากสิ่งที่เขาเคยมองว่าเป็นจุดอ่อน"
ก็ไม่ผิดถ้าจะพูดว่าลูกๆ เป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ของเขา ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกสาว เกอร์ที ซึ่งพากย์เสียงโดยสเตฟานี เบียทริซ (Brooklyn Nine-Nine) เบียทริซกล่าวว่าอย่างน้อยนกลูกสาวก็ "บึกบึนแข็งแรงและทำงานสำเร็จ"
ถ้าพวกนกไดโนเสาร์มีจุดเด่นอยู่ที่การลักขโมยและเป็นตัวร้าย แกรนนี คุณยายของซิด ก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการพูดจิกกัด คุณรู้จักสมองส่วนที่เอาไว้ป้องกันไม่ให้คุณพูดอะไรในเวลาที่ไม่ควรพูดหรือเปล่า แกรนนีไม่มีสมองส่วนนั้นแหละ
แวนดา ไซค์ส กลับมารับบทเป็นตัวละครที่เธอสร้างไว้ใน Continental Drift เธอกล่าวว่า "แกรนนียังคงพูดจิกกัดทุกคนที่เธอได้พบ เธอสนุกที่ได้ยั่วให้คนอื่นโมโห เรียกได้ว่าปากไม่มีหูรูดของแท้เลยค่ะ"
จีโอโทเปีย: รักครั้งใหม่ของซิดและความหวังใหม่ของฝูง
ด้วยความช่วยเหลือของแผ่นหินพยากรณ์ บั๊กเสนอทฤษฎีว่าอาจมีเงื่อนงำบอกใบ้อยู่ตรงจุดที่อุกกาบาตตกครั้งก่อน ซึ่งอาจช่วยให้คำตอบในการยั้งยั้งภัยคุกคามครั้งใหม่นี้
ปรากฏว่าจุดตกนี้เป็นโพรงผลึกใสขนาดเท่าสนามกีฬาซึ่งอยู่ภายในปล่องภูเขาไฟ มันเป็นโลกมหัศจรรย์ที่อุดมสมบูรณ์และมีผลึกคริสตัลอันงดงามอยู่ทั่วทุกที่ ผนังอุกกาบาตคริสตัลมีคุณสมบัติพิเศษซึ่งช่วยปกป้องหมู่บ้านสัตว์ที่อยู่ภายในให้ไม่ต้องเผชิญลมฟ้าอากาศและเป็นสถานที่ซึ่งกาลเวลาหยุดนิ่ง
สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่าจีโอโทเปีย
ผู้อยู่อาศัยภายในจีโอโทเปียได้แก่สล็อธสาวพราวเสน่ห์ บรู๊ก ซึ่งเกิดปิ๊งกับซิดทันทีเมื่อแรกเห็น แน่นอนว่าสล็อธผู้ช้ำรักอย่างซิดตกหลุมรักหัวปักหัวปำ คราวนี้เรียกได้ว่าซิดเล่นของสูง เพราะชูกล่าวว่า "เธอเป็นเหมือนสล็อธสาวในฝัน ทั้งสวย สดใส และมีชีวิตชีวา คุณคิดว่าไม่มีทางที่เธอจะมาชอบซิดได้แต่กลับเป็นอย่างนั้น"
บรู๊กเห็นอะไรในตัวซิด เธอร์ไมเออร์เดาว่า "เธอเห็นซิดจากภายใน เธอเข้าใจว่าเขาเป็นคนดี"
นักร้อง/นักแต่งเพลง เจสซี เจ มาร่วมทีม Ice Age เพื่อพากย์เสียงเป็นบรู๊ก โดยนำเอาน้ำเสียงที่มีท่วงทำนองไพเราะมาใช้ในการพากย์ด้วย เจสซีชอบตัวละครนี้ในทุกๆ แง่ตั้งแต่รูปร่างหน้าตาไปจนถึงจิตใจ "บรู๊กมีผมยาวสลวยสีน้ำตาลแดงและชอบหัวเราะคิกคัก" ศิลปินชาวอังกฤษรายนี้กล่าว เพลงฮิตล่าสุดของเธอคือ "Bang Bang" ที่บันทึกเสียงร่วมกับเอเรียนา กรานเดและนิกกี มินาจ "เธอเปิดใจให้ซิดเพราะเห็นเอกลักษณ์ในตัวเขา และบรู๊กภูมิใจที่มาจากจีโอโทเปีย สถานที่อันสวยงามน่าทึ่งที่ทุกคนไม่มีวันแก่"
หัวหน้าหมู่บ้านจีโอโทเปียคือแชงกรี-ลามะซึ่งดูแลที่แห่งนี้เหมือนเป็นสถานฝึกโยคะ ฝูงสัตว์ไปพบแชงกรี-ลามะเพื่อขอคำตอบในการจัดการความท้าทายครั้งใหญ่นี้ แต่แทนที่จะให้คำแนะนำในการกู้โลก แชงกรี-ลามะกลับยืนยันให้แมนนี ดีเอโก ซิด และสัตว์ตัวอื่นๆ บิดตัวทำท่าโยคะยากๆ ซึ่งนอกจากไม่ช่วยแล้วยังเจ็บตัวอีกต่างห่าง เจสซี ไทเลอร์ เฟอร์กูสันจากซีรีส์ Modern Family มาพากย์เสียงเป็นกูรูผู้วางท่าแบบปรมาจารย์เซ็น เขากล่าวถึงตัวละครนี้ว่า "เขามั่นใจในตัวเองมากซึ่งก็กลายเป็นจุดอ่อนของเขาด้วยเหมือนกัน"
เฟอร์กูสันกล่าวเสริมว่าเขาสนุกกับการค้นหาเสียงของแชงกรี-ลามะซึ่งเป็น "การค้นหาสมดุลระหว่างความไม่แน่ใจในตนเองกับเปลือกนอกที่ฉาบไว้ซึ่งสุดท้ายก็พังทลายลง เขาวางท่าเหมือนมีจิตใจสงบมั่นคง แต่เมื่อโลกรอบตัวกำลังจะแตกสลาย เขาก็แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น"
คนที่มีประโยชน์มากกว่าในจีโอโทเปียคือเท็ดดี กระต่ายซึ่งสนใจแกรนนีทันทีที่ฝูงสัตว์เดินทางมาถึง เท็ดดีผู้แข็งแรง บึกบึน และมีเสน่ห์ พากย์เสียงโดยไมเคิล สเตรแฮนซึ่งแข็งแรง บึกบึน และมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน นักอเมริกันฟุตบอลชื่อดังรายนี้ผันตัวมาเป็นพิธีกรร่วมของรายการ Kelly & Michael และปัจจุบันเป็นพิธีกรรายการ Good Morning America
แม้ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย สเตรแฮนก็ยังคิดว่าเขาถูกอำตอนที่ได้รับโทรศัพท์ติดต่อให้มาพากย์เสียง "ผมคิดว่าต้องเป็นเรื่องล้อกันเล่นแน่ๆ เพราะผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย" เขาเล่า แน่นอนว่าโทรศัพท์สายนั้นเป็นของจริง และสเตรแฮนกล่าวว่าเขารอคอยที่จะได้เห็นความสนุกสนานจากนักเบ่งกล้ามอย่างเท็ดดีในรูปแบบสามมิติ"
นีล เดอแกรส ไทสัน นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงที่อธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ยากๆ ให้เราได้เข้าใจกัน มาพากย์เสียงเป็น "นีล เดอบั๊ก วีเซิล" ตัวตนในจินตนาการของบั๊กซึ่งร่วมกับสุดยอดอัจฉริยะในจินตนาการคนอื่นๆ อย่าง "พิธากอรัส บั๊ก" และ "โรโบ-บั๊ก" เพื่อช่วยให้ชาวแก๊งหาคำตอบว่าจะเอาชนะอุกกาบาตได้อย่างไร
การเดินทางของไทสันสู่ ICE AGE: COLLISION COURSE เริ่มต้นขึ้นเมื่อศิลปินผู้แต่งเรื่องให้หนังเรื่องนี้ตัดแปะภาพไทสันลงในสตอรีบอร์ด จากนั้นชูเล่าว่า "ไมค์ [เธอร์ไมเออร์] กับผมก็มองหน้ากันแล้วพูดว่า 'ให้เขามาเป็นตัวละครในหนังเถอะ'"
"นีลใจกว้างมากเลยค่ะ" ฟอร์เตกล่าว "คิดดูสิว่าเรากำลังคุยกับนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์คนสำคัญของโลกเรื่องการให้แมมม็อธเบี่ยงวิถีอุกกาบาตอยู่นะ"
"ผมนึกว่าเขาจะเหวี่ยงเราออกจากตึกซะแล้ว" เธอร์ไมเออร์พูดติดตลก แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น ชูเสริมว่า "นีลเปิดรับแนวคิดนี้และบอกว่าที่จริงแผนของพวกสัตว์ฝูงนี้ก็มีหลักการทางวิทยาศาสตร์อยู่นะ เขาสนุกมากกับการพากย์เสียงตัวละคร"
ในแง่การออกแบบ ไมเคิล แนปป์กล่าวว่า "เราเปลี่ยนนีล เดอแกรส ไทสันมาเป็น 'นีล เดอบั๊ก วีเซิล' อย่างเป็นธรรมชาติเลยล่ะครับ เราใช้เคราแพะกับดวงตาโตที่สื่ออารมณ์ของนีล และต้องแน่ใจว่าองค์ประกอบทุกส่วนลงตัวเมื่อมาอยู่บนรูปศีรษะที่ต่างจากของนีล มันประหลาดและขำมากที่ได้เห็นนีลของเราเริ่มดูเหมือนนีลตัวจริง"
ออกแบบโลกใหม่
ICE AGE: COLLISION COURSE นำเสนอโลกที่เราไม่เคยได้พบเห็นมาก่อนในหนัง Ice Age ด้วยการนำผู้ชมไปจนสุดขอบกาแล็กซีจากนั้นก็มายังโพรงผลึกอันงดงามเหมือนฝันบนโลก
ขณะที่สแครทพุ่งสู่กาแล็กซี "เราได้สร้างโทนสีและรูปแบบภาพใหม่ที่ไปไกลกว่าโลกน้ำแข็ง" เธอร์ไมเออร์กล่าว เช่นเคย โลกยังคงหมุนรอบตัวสแครทเสมอไม่ว่าเขาจะไปไหนก็ตาม "ไม่ว่าเราจะอยู่ในโลกไหนพร้อมกับสแครท เราจะได้มองเห็นโลกนั้นผ่านสายตาของเขา" แนปป์กล่าว และทุกครั้งสแครทก็จะต้องมองไปที่ลูกโอ๊กหรือไม่อย่างนั้นก็มองหาลูกโอ๊ก "ดังนั้นเราจึงนำแนวคิดนี้ไปใส่ในการออกแบบยานอวกาศด้วย มีรูปลูกโอ๊กอยู่ทั่วทุกแห่งที่คุณมองไปเห็น ช่องประตูเป็นรูปคล้ายลูกโอ๊ก ลูกโอ๊กใส่ลงไปในคันบังคับยานได้พอดี ผังของหอบังคับการก็เป็นเหมือนลูกโอ๊กขนาดใหญ่เรืองแสงออกมา มันฝังอยู่ในดีเอ็นเอของตัวยานเลยล่ะครับ"
ลูกโอ๊กที่พบได้ทุกหนทุกแห่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของงานภาพที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีโทนสีชมพูและสีม่วงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งเราได้เห็นครั้งแรกเมื่อสแครทเดินเครื่องยานและติดจรวจไปอวกาศ แม้กระทั่งจูเลียนก็ยังมีสีอมม่วงนิดๆ ด้วยเช่นกัน
การผจญภัยของสแครทส่งผลมหาศาลต่อโลกซึ่งจะเห็นได้จากพื้นที่ใหม่ๆ ที่ชาวแก๊งเดินทางผ่าน เมื่อสแครทเปลี่ยนตำแหน่งของดวงจันทร์ กระแสน้ำบนโลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง จากนั้นสแครทก็ส่งพายุจากจุดแดงใหญ่บนดาวพฤหัสมายังโลก ก่อให้เกิดพายุไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ฝูงสัตว์ต้องรับมือ แถมยังต้องเจอกระแสไฟฟ้าที่ทำให้ทุกตัวขนชี้ฟูกันหมด นอกจากนี้ชาวแก๊งยังต้องคอยหลบอุกกาบาตลูกเล็กๆ ที่ทิ้งรอยหลุมตะปุ่มตะป่ำไว้บนพื้นซึ่งเคยเรียบสนิท เป็นเหมือนการอุ่นเครื่องก่อนระเบิดลูกใหญ่ที่พวกเขาพยายามหาทางหยุดยั้งจะมาถึง "เราสนุกมากกับการทำลายทิวทัศน์ของโลกยุคน้ำแข็งครับ" แนปป์กล่าว
จีโอโทเปียน่าจะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของงานออกแบบและโทนสีใหม่ในหนังเรื่องนี้ "มันเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยทำมาเมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ" แนปป์กล่าว "ในบางแง่ก็เป็นผลลัพธ์จากสิ่งที่เราสำรวจกันตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพียงแต่อยู่ในรูปลักษณ์ที่แตกต่างออกไปมาก มันช่วยให้เราขยายขอบเขตไปไกลกว่าโทนสีเดิมๆ ที่ใช้กันมา ทำให้เราสามารถใช้สีสันที่หลากหลายและกว้างขวางมากขึ้น"
แม้ว่าตัวละครที่เราพบในจีโอโทเปียจะใกล้เคียงกับตัวละครในหนัง Ice Age ที่ผ่านมา แต่สภาพแวดล้อมก็ทำให้สิ่งมีชีวิตในนั้นเปลี่ยนแปลงไปบ้าง พวกมันมีขนยาวกว่าและสีขนก็เป็นสีโทนเดียวกันกับโลกจีโอโทเปีย "ดังนั้นพวกมันจึงมีสีสันสดใสกว่าตัวละครที่เราเห็นมาก่อนหน้านี้มาก" แนปป์กล่าว "อาจดูผิดที่ผิดทางในโลก 'ปกติ' แต่กลมกลืนมากกับโลกจีโอโทเปีย"
ครอบครัวทั่วโลกของ ICE AGE
เสน่ห์ของหนังในตระกูล Ice Age ที่ดึงดูดผู้ชมทั่วโลกนั้นสรุปได้ด้วยคำคำเดียวคือคำว่า ครอบครัว ทีมงานผู้สร้าง ICE AGE: COLLISION COURSE ได้กล่าวถึงประเด็นหลักเรื่องครอบครัวเอาไว้ดังนี้
ลอรี ฟอร์เต: "หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับตัวละครกลุ่มหนึ่งที่แตกต่างกันมาก พวกเขาได้มาพบกันและสร้างครอบครัวขึ้นมา ความผูกพันนั้นขยายออกและพัฒนาไปเรื่อยๆ จุดนี้เองที่ตรงใจผู้ชม คุณไม่จำเป็นต้องมีสายเลือดเดียวกันแต่ก็เป็นครอบครัวเดียวกันได้"
ไมเคิล เธอร์ไมเออร์: "นี่คือเรื่องราวของตัวละครหลายรุ่นซึ่งทุกๆ คนในโลกนี้สามารถเข้าถึงได้"
กาเลน แทน ชู: "สิ่งที่ตรึงใจผู้ชมทั่วโลกก็คือการที่สมาชิกในฝูงคอยดูแลซึ่งกันและกัน พวกเขาเติบโตมาด้วยกันเหมือนเป็นครอบครัว และผู้ชมก็ผูกพันกับการเดินทางนั้น"
เข้าฉาย 14 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
https://www.facebook.com/IceAgeMoviesTH
https://www.youtube.com/watch?v=pvbBtbJUhrE&list=PLhHUMbo06EoeRmZRBJis3fuQZC0uB9_eo