กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
มาครงชนะตามคาด
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสได้เปิดเผยผลการนับคะแนนเบื้องต้น ระบุว่า นายเอมมานูเอล มาครง ผู้สมัครจากพรรค En Marche (EM) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยนายมา-ครงมีคะแนนนำนางมารีน เลอเปน ผู้สมัครจากพรรค National Front (FN) ทั้งนี้ การนับคะแนนเบื้องต้นระบุว่า นายมาครงได้รับคะแนนในสัดส่วน 66% ทิ้งห่างนางเลอเปนซึ่งได้คะแนนราว 34% ขณะที่จำนวนผู้ที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ที่ 47 ล้านคน หรือ 66% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลดลงจากเมื่อ 5 ปีก่อนที่ 72%
ฝรั่งเศสยังมีความท้าทาย
หลังนายมาครงชนะนางเลอเปนในการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ตามโพลล์สำรวจ ซึ่งก็ไม่น่าสร้างความตื่นเต้นแต่อย่างไร เพราะต้องมาดูกันว่านายมาครงจะสามารถรวบรวมคะแนนเสียงจากสภาในการให้ความเห็นชอบเขาในการบริหารประเทศมากน้อยเพียงไร ซึ่งการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะมีขึ้นในวันที่ 11 และ 18 มิ.ย. และพรรคของนายมาครงที่เป็นพรรคใหม่ไม่น่าที่จะได้รับเสียงอย่างท่วมท้นเหมือนการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา
มีความเป็นไปได้สูงที่นายมาครงจะจับมือเป็นพันธมิตรกับพรรคอื่นหลังการเลือกตั้งในเดือนหน้า อย่างไรก็ดี หากนายมาครงไม่มีคะแนนเสียงมาสนับสนุนอย่างทั่วถึง เขาอาจทำได้เพียงเป็นประธานาธิบดีเป็ดง่อย (lame duck) หรือไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างเต็มที่เพราะขาดเสียงสนับสนุนจากสภา
"ต่อให้นายมาครงได้เสียงสนับสนุนในการดำเนินนโยบาย Pro-Europe อย่างเต็มที่ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะสามารถนำฝรั่งเศสให้เข้มแข็งได้ เพราะนโยบายของเขาไม่ต่างกับ "คนพายเรือในอ่าง" คือทำอะไรเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ที่จะนำฝรั่งเศสให้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร่งขึ้น หรือการว่างงานให้ลดลงได้จากระดับปัจจุบันที่สูงกว่า 10% ที่ผ่านมาหลังวิกฤติการเงินโลกปี 2008 การเติบโตของรายได้ต่อหัวของฝรั่งเศสต่ำมาก น้อยกว่า 1% และต่ำเป็นอันดับสองรองจากอิตาลีในกลุ่ม G7 การเชื่อมโยงกับยุโรปให้มากขึ้นอย่างเหนียวแน่นคงไม่มีอะไรต่างจากเดิม แต่ยังไงคนที่พายเรือในอ่างก็คงดีกว่าคนที่พายเรือออกทะเลอย่างเลอเปนในนโยบายถอนตัวออกจากอียูและสกุลเงินยูโร ซึ่งไม่รู้เลยว่าจะถึงฝั่งหรือประสบความสำเร็จ หรือจะนำประเทศไปตายกลางทะเล" นายอมรเทพ กล่าว
โดยสรุป ฝรั่งเศสคงไม่อยากพายเรือในอ่างไปเรื่อยๆ จนเศรษฐกิจตกต่ำเหมือนอิตาลี แต่คงหาหนทางสร้างความสามารถในการแข่งขัน และหวังหาหนทางในการสร้างความยิ่งใหญ่อีกครั้งในอ้อมกอดของอียู เราคงต้องจับตาดูการเลือกตั้งในเดือนหน้าว่าประธานาธิบดีมาครงจะสามารถร่วมมือกับสภาผู้แทนใหม่ของฝรั่งเศสในการออกนโยบายใหม่ในการสร้างเศรษฐกิจฝรั่งเศสให้สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ โดยไม่ทิ้งอียู แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้น ผลกระทบต่อไทยก็คงจำกัด เพราะสัดส่วนการส่งออกไทยไปฝรั่งเศสมีเพียง 0.7% นักท่องเที่ยวฝรั่งเศสก็มีเพียง 2% อีกทั้งฝรั่งเศสก็ไม่ใช่นักลงทุนรายสำคัญของไทย เราคงได้แต่เฝ้าดูห่างๆ และหวังว่า ยุโรปโดยรวมจะฟื้นเพราะนั่นต่างหากที่เป็นตลาดหลักของเรา
แม้ไม่มีอะไรหวือหวาเกินความคาดหมาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีความชัดเจนทางการเมือง ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ทางธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB ปรับลดวงเงินในมาตรการ QE ช่วงกลางปีนี้ พร้อมส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยได้ในไม่ช้า เนื่องจากปัจจัยเสี่ยง
ทิศทางเงินบาทคงไม่ได้เคลื่อนไหวตามเงินยูโรหรือปัจจัยจากการเมืองฝรั่งเศสมากนัก แต่นักลงทุนน่าจะให้น้ำหนักการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐตามตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีในวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่คาดว่าน่าจะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมิ.ย. อันจะส่งผลให้เงินไหลออกและบาทอ่อนค่าได้อีกนับจากนี้ไปถึงช่วงกลางปี โอกาสเห็นบาทไปยืนเหนือระดับ 35.00 มีได้สูง นักลงทุนควรป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน