กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
สแกน อินเตอร์ หรือ SCN มองไตรมาส 2/60 ผลการดำเนินจะกลับมาโดดเด่น หลังราคาน้ำมันยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น หนุนความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV และยอดขายจากธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ รวมถึงธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม หรือ iCNG เพิ่มขึ้น ขณะที่ไตรมาส 1/60 ของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 47.58ล้านบาท เหตุจากกำไรธุรกิจ iCNG ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ และตั้งสำรองสินค้าเคลื่อนไหวช้าและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากธุรกิจ EPC ส่งผลต่อต้นทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังมั่นใจทั้งปีจะเติบโตตามเป้าที่วางไว้
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากภาพรวมราคาน้ำมันในตลาดโลกปีนี้ที่เชื่อว่ายังเป็นขาขึ้น แม้ว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกถูกผลกระทบจากปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นก็ตาม ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงทั้งในภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม และเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ ที่ปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ 7 สถานี รวมถึงธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม หรือ iCNG ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 (มกราคม-มีนาคม 2560) บริษัทฯ มีรายได้รวม 673.21 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 47.58 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุราคาก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม (iCNG) ที่จำหน่ายให้แก่ลูกค้า ซึ่งคิดราคาตามสูตรที่อ้างอิงกับน้ำมันย้อนหลัง 3 เดือนก่อนหน้า (ตุลาคม-ธันวาคม 2559) ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจึงส่งผลกระทบต่อกำไรของธุรกิจ iCNG ที่ควรได้รับกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ธุรกิจออกแบบ ผลิต รับเหมา ติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ก๊าซ NGV (ธุรกิจ EPC) บริษัทฯ ที่ได้ส่งมอบงานในไตรมาส 1/60 มีกำไรขั้นต้นที่แตกต่างจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจึงส่งผลกระทบต่อการทำกำไรสุทธิ นอกจากนี้ ยังได้ปรับแผนบริหารจัดการโดยการโยกย้ายบุคลากรมาเร่งดำเนินการก่อสร้างสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ ที่ SCN เป็นผู้ลงทุน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 7 แห่งให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการภายในปี2560 ทั้งหมด หลังจากในช่วงไตรมาสแรกอยู่ระหว่างการยื่นประมูลรับเหมา จึงมีงานในส่วนนี้ไม่มากนัก
ขณะเดียวกัน ในไตรมาสแรกยังมีการตั้งสำรองสินค้าเคลื่อนไหวช้าเพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในธุรกิจ EPCส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สินค้าที่สำรองนี้เป็นสินค้าประเภทอะไหล่และอุปกรณ์ ที่บริษัทฯ สามารถนำกลับมาใช้งานและทำรายได้ในอนาคต
"เราเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 จะฟื้นตัวดีขึ้นจากธุรกิจ iCNG ที่สถานการณ์ราคาจำหน่ายก๊าซธรรมชาติอัดปรับตัวดีขึ้น รวมถึงธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ ที่เชื่อว่าจะมีปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เพื่อการขนส่งเพิ่มขึ้นและสามารถผลักดันการเติบโตได้" ดร.ฤทธี กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCN กล่าวว่า ส่วนแผนดำเนินงานปีนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากแผนงานการขยายธุรกิจที่มีเป้าหมายเพิ่มสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV ในปีนี้อีก 13 แห่งภายใต้งบลงทุน 1,350ล้านบาท ซึ่งมีทั้งการเข้าซื้อกิจการ M&A จากผู้ประกอบการรายเดิม การร่วมมือกับพันธมิตรสถานีบริการน้ำมัน และการขอสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติจาก ปตท. อีก 7 สัญญา ซึ่งปัจจุบันได้แล้วจำนวน 4 สัญญา คาดการณ์ยอดขายรวม200,000 กิโลกรัมต่อวัน โดยจะได้ผลตอบแทนจากการจำหน่ายก๊าซตามโครงสร้างราคาแบบใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 3.43 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 2 บาทต่อกิโลกรัม และธุรกิจ iCNG ที่มีปริมาณการขนส่งก๊าซธรรมชาติอัดไปสู่โรงงานอุตสาหกรรมตามสัญญาเพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจ EPC ที่จะทยอยส่งมอบงานในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น
ขณะเดียวกัน โครงการความร่วมมือกับ 'โซจิสสึ คอร์ปอเรชั่น' รุกตลาดผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติอย่างครบวงจรในอินโดนีเซียและเวียดนาม ที่ได้เริ่มทำตลาดนวัตกรรม CNG Type IV หรือถังบรรจุก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ ก่อนขยายไปสู่อุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติอื่นๆ คาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/60เป็นต้นไป รวมถึงธุรกิจ EPC ที่จะเริ่มรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานแก่ลูกค้าในช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน จึงมั่นใจว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปีนี้ยังคงเติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้