กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรกโต กว่า 340%จากการรับรู้รายได้การทำธุรกิจน้ำแบบครบวงจรและธุรกิจไฟฟ้าหลังการรับโอนธุรกิจจากกลุ่ม WHAเต็มไตรมาส ขณะที่ ปีนี้จะดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าอีก 4 แห่ง ดันผลการดำเนินงานพุ่ง ชูจุดเด่นเป็นหุ้นที่เติบโตสูงและมีเสถียรภาพ
นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 ว่าบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ (ธุรกิจน้ำ) 388.0 ล้านบาทและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน(ธุรกิจพลังงาน) 250.8 ล้านบาทและกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้เป็นเจ้าของของบริษัทใหญ่272.5 ล้านบาท รวมเพิ่มขึ้น 210.6ล้านบาท หรือคิดเป็น 340.3% เมื่อเทียบกับผลดำเนินงานในไตรมาสเดียวกัน ปี2559
โดยผลประกอบการเติบโตจากทุกภาคส่วนธุรกิจ ทั้งจากธุรกิจน้ำและไฟฟ้าของบริษัทฯ ที่มีอยู่เดิม ซึ่งมีความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ รวมถึงมีการปรับราคาการจำหน่ายน้ำและบริการที่เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทฯ ได้เข้าซื้อธุรกิจน้ำและไฟฟ้าเพิ่มเติมจากบริษัทในกลุ่ม WHA-Hemaraj ในช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นเรือธง (Flagship) ของกลุ่มในธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าที่บริษัทฯ ลงทุนในเดือน พฤศจิกายน ปีที่แล้ว
สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าในปีนี้ บริษัทฯจะมีโรงไฟฟ้าที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ อีกจำนวน 4 แห่ง ในเดือนพฤษภาคม กรกฎาคม กันยายน และพฤศจิกายน ตามลำดับ นอกเหนือไปจากโรงไฟฟ้า SPP ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรีที่ได้เปิดดำเนินการ ในเดือน พฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา โดยในการทำธุรกิจโรงไฟฟ้านั้น บริษัทฯเป็นผู้ร่วมลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานต่างๆ กับผู้ดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าที่หลากหลาย ลักษณะการรับรู้รายได้จะรับรู้ตามสัดส่วนการลงทุนในแต่ละโครงการ ทั้งนี้ บริษัทฯมีความมั่นใจว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทฯอย่างมั่นคง
โดย ณ ปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา 7 โครงการ ตามสัดส่วนการถือหุ้น 192 เมกะวัตต์ ซึ่งปีนี้จะดำเนินการขายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ได้อีกจำนวน 4 โครงการ จำนวน 130 เมกะวัตต์ และอีก 3โครงการ จะทยอยเปิดในปี 2561-2562 และจะรับรู้รายได้จากการลงทุนไฟฟ้าครบ 542 เมกะวัตต์ ในปี 2562 จากเดิม ณ สิ้นปี 2559 บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 350 เมกะวัตต์
ขณะที่ธุรกิจสาธารณูปโภคนั้น มีการเติบโตที่ยั่งยืน และมีแนวโน้มรายได้เพิ่มมากขึ้นตามความต้องการลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทฯได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวเป็นให้ผู้จัดจำหน่ายน้ำดิบ น้ำเพื่ออุตสาหกรรมและให้บริหารจัดการน้ำเสียครอบคลุมพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมฯและเขตประกอบการอุตสาหกรรมฯ ของกลุ่ม WHA ทั้งหมด
"ในส่วนของธุรกิจสารธารณูปโภคนั้นปีนี้จะมีลูกค้าใหม่ทยอยเปิดดำเนินการโดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้าและกลุ่มปิโตรเคมีซึ่งเป็นกลุ่มอุตสหกรรมที่มีความต้องการใช้สาธารณูปโภคสูง นอกจากนี้ลูกค้าจากนิคมอุตสาหกรรมเหมชลบุรี 2 และจากนิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จะทยอยเปิดดำเนินการอีกด้วย" นายวิเศษ กล่าว
ในส่วนของการลงทุนในปี 2560 บริษัทฯมีการลงทุนโรงไฟฟ้า 7แห่ง ทำให้มีการใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก โดยจะเริ่มปรับลดลงในปีถัดไปหลังจากโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทยอยดำเนินการขายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ในขณะที่บริษัทฯจะทยอยรับรู้ผลตอบแทนจากโรงไฟฟ้าต่างๆ เพิ่มขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ กล่าวเพิ่มว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการจำหน่ายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในเดือนเมษายน 2560 ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ได้รับเงินจากการระดมทุน3,281.25 ล้านบาทซึ่งการเสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าวทำให้โครงสร้างเงินทุนและฐานะการเงินของบริษัทฯ มีความแข่งแกร่ง ลดภาระต้นทุนทางการเงิน และสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้แก่บริษัทฯซึ่งภายหลังการจำหน่ายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO)บริษัทฯได้ดำเนินการชำระคืนหนี้ให้แก่สถาบันการเงินไปจำนวน 2,500 ล้านบาท ซึ่งทำให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของเจ้าของ (Net Interest-bearing Debt/Equity) ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 0.75 เท่า
อย่างไรก็ตามจุดเด่นของ WHAUP คือการเป็นทั้งบริษัทฯที่มีศักยภาพการเติบโตของผลประกอบการที่สูง ขณะเดียวกันก็เป็นบริษัทฯที่มีเสถียรภาพด้านรายได้ทั้งนี้เนื่องจากรูปแบบการทำธุรกิจ (Business Model) ที่มีทั้งธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจไฟฟ้า มีฐานลูกค้าที่เป็นผู้ประกบอการซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำทั้งไทยและต่างชาติกว่า 700 บริษัท และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนานโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจสาธารณูปโภคที่จะสามารถต่อยอดทางธุรกิจออกไปได้หลากหลาย ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และในด้านพื้นที่การจัดการ