กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--ไทยคม
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ("THCOM") ผู้ให้บริการดาวเทียมไทย แจ้งผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2560 มีกำไรสุทธิ 259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 373 ล้านบาท หรือ 327.2% จากผลขาดทุนสุทธิฯ จำนวน 114 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2559 (QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ทั้งจากการให้บริการดาวเทียมและธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) กำไรสุทธิมีการปรับตัวลดลง 441 ล้านบาท หรือ 63.0% จาก 700ล้านบาทในไตรมาส 1/2559
นายไพบูลย์ ภานุวัฒนวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม เปิดเผยว่า "ผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ของปี2560 ที่บริษัทมุ่งขยายบริการไปยังตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพโดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและเอเชียใต้ ในส่วนของบริการด้านบรอดแบนด์ บริษัทเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งานแบนด์วิธ เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มปริมาณการใช้งานให้กับพันธมิตร โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ และในเดือนเมษายน 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จและสามารถบรรลุข้อตกลงในสัญญากับ บจ. เอเซียต้า บิสซิเนส เซอร์วิส บริษัทในเครือ เอเซียต้า กรุ๊ป เบอร์ฮาด เป็นระยะเวลา 4 ปี เพื่อให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียมบรอดแบนด์และเทเลพอร์ต ในประเทศอินโดนีเซีย ผ่านดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) โดยจะสามารถรับรู้รายได้ ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560"
ในส่วนของกลุ่มบริษัทในเครือนั้น บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) (ซีเอสแอล) ยังคงมีจำนวนฐานลูกค้าในธุรกิจให้บริการไอซีทีเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2560 จำนวนฐานลูกค้าอินเทอร์เน็ตผ่านสายวงจรเช่า (Leased line)และศูนย์คอมพิวเตอร์ (Internet Data Center: IDC) เติบโตเพิ่มขึ้น 1.4% และ 5.8% จากไตรมาส 1/2559 ตามลำดับ อีกทั้งบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตามคอนโดมิเนียม (Condominium Broadband) ยังคงมีจำนวนฐานลูกค้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นถึง 106.9% จากไตรมาส 1/2559 ด้าน บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (แอลทีซี) ในประเทศลาว มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2560 มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์ในระบบรวมทั้งสิ้น 2,082,292ราย เพิ่มขึ้นจาก 1,951,958 ราย ณ สิ้นไตรมาส 1/2559 และยังคงมีส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น54.5% ของตลาดรวม เพิ่มขึ้นจาก 52.3% ณ สิ้นไตรมาส 1/2559