กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--IR network
บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) แย้มธุรกิจครึ่งปีหลังฟื้นตัวโดดเด่น รับไฮซีซั่น ออเดอร์ภาครัฐ-เอกชนหนุนเต็มสูบ โชว์ฟอร์มเจ๋ง! ทำผลงานไตรมาส 1/60 รายได้พุ่งแตะ360.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น16.23 % เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้310.21 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่46.82 ล้านบาท "ธานินทร์ ตันประวัติ" ระบุช่วงที่เหลือของปีนี้เน้นขยายงานท่อร้อยสายไฟ ท่อกันน้ำ ท่อร้อยสายไฟใต้ดิน หลังจากโรงงานใหม่เดินเครื่องผลิตได้แล้ว หนุนกำลังการผลิตเพิ่มอีก 20-25% มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 10-15% หรืออยู่ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ARROW) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อยในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างโดดเด่นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งจะมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอจากงานรับเหมาก่อสร้างที่ยังเติบโต โดยบริษัทฯ จะเน้นขยายธุรกิจงานท่อร้อยสายไฟ ท่อกันน้ำ และท่อร้อยสายไฟใต้ดินให้มากขึ้นตามความต้องที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้โรงงานผลิตท่อร้อยสายไฟใต้ดิน (RTRC) และท่อเหล็กอ่อนกันน้ำแห่งที่ 2 สามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้แล้ว และส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20-25% ทำให้สามารถรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ยังทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 300 ล้านบาท และคาดว่าจะมีงานใหม่ๆ จากภาครัฐและเอกชน ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานทั้งปีจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 10-15% หรืออยู่ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท
เขากล่าวต่อถึง ผลประกอบการไตรมาส 1/2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 ของบริษัทและบริษัทย่อยว่า มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 46.82 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 360.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 310.21 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 16.23 % เนื่องจากมีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของภาคการก่อสร้างอาคาร อสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากงานภาครัฐฯ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้า และสายสื่อสารโทรคมนาคมเป็นแบบสายอากาศเป็นระบบสายใต้ดิน ที่สำคัญบริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับต้นทุนขายและบริการไตรมาส1/2560 เท่ากับ 267.12 ล้านบาท ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีเงินได้เท่ากับ55.07ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 93.45 ล้านบาท ขณะที่ส่วนของรายได้จากการขาย 329.20 ล้านบาท เทียบจากปีก่อนเท่ากับ 297.02 ล้านบาท
"รายได้ไตรมาสแรกปีนี้ถือว่าออกมาอยู่ในทิศทางที่ดี แม้กำไรสุทธิจะลดลง เนื่องจากวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้นมาก แต่เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่นตั้งแต่ช่วงไตรมาส3-4/2560 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับภาคการก่อสร้างมีการขยายตัว จากการที่ภาครัฐเร่งผลักดันให้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งโครงการรถไฟฟ้า และการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าจากอากาศลงใต้ดิน จึงทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามา ทำให้มั่นใจว่าทั้งปีผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้"นายธานินทร์กล่าว