รักแท้ ไม่อ้วนเอาเท่าไร กำหนดฉาย 25 มกราคม

ข่าวทั่วไป Tuesday December 18, 2001 10:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--Twentieth Century Fox
ตลอดมาในอดีต แนวคิดสองสามแนวถูกนำมาใช้พิจารณาถึงธรรมชาติของความงาม นักปรัชญา , กวี , นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญเรื่องศาสนา ได้พิจารณาและรู้สึกทึ่งกับรูปแบบมากมายและความลี้ลับของมัน บางคนค้นพบในความพิศวงของธรรมชาติ บางคนในรอยยิ้มที่เป็นปริศนา มีหลายคนที่เดินทางไปจนสุดโลกหรือดินแดนไกลโพ้นเพื่อค้นหาความงาม
สำหรับ ฮัล ลาร์เซ่น ชายหนุ่มที่มองอะไรเพียงแค่ผิวเผิน ความงามสำหรับเขามีเพียงแค่ในบรรดาซูเปอร์โมเดล หรือนางแบบหน้ากลางหนังสือ สิ่งแรกที่เขามองในตัวผู้หญิงคือจะต้อง ดูดี ฮัลไม่เคยคิดจะเดทผู้หญิงที่รูปร่าง รอยยิ้ม หรือสไตล์ไม่เข้าขั้นที่จะเรียกว่าเพอร์เฟ็ก
แต่หลังจากที่เขาถูก โทนี่ ร็อบบิ้นส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการช่วยเหลือตัวเองสะกดจิตโดยไม่รู้ตัว ภาพที่เขามองผู้หญิงก็พลิกกลับไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เวลานี้เขามองผู้หญิงจากความงามที่อยู่ภายใน ขอแนะนำ โรสแมรี่ (กวินเน็ธ พัลโทรว์) อาสาสมัครหุ่นช้างน้ำของ Peach Corps ฮัลมองเห็นความใจดีและอารมณ์ขันของโรสแมรี่ แทนที่รูปกายภายนอกของเธอ และนี่คือจุดเริ่มต้นเรื่องราวโรแมนติก แต่เมื่อมนต์เสื่อม ฮัลได้พบกับโรสแมรี่ที่เขาไม่คุ้นเคยและได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญที่สุดบทหนึ่งของชีวิต
ทเวนตี้ธ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ภูมิใจเสนอ Conundrum Entertainment Production , a Farrelly Brothers Movie นำแสดงโดย กวินเน็ธ พัลโทรว์ และ แจ๊ค แบล๊ค ใน SHALLOW HAL ภาพยนตร์ร่วมแสดงด้วย เจสัน อเล็กซานเดอร์ , โจ วิเทอเรลลี่ และ ซูซาน วาร์ด อำนวยการสร้างโดย แบร้ดลีย์ โธมัส , ชาร์ลส บี. เวสเลอร์ , บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ และ ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ จากบทภาพยนตร์ของ ฌอน มอยนิฮาน และ ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ และ บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ SHALLOW HAL เป็นผลงานกำกับของ บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ และ ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่
ปีเตอร์ และ บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ เป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่โด่งดังจากผลงานภาพยนตร์คอมเมดี้ที่มีลักษณะเด่นไม่เหมือนใคร คุณคงจะจำ เจฟ แดเนี่ยล ที่มีปัญหากับยาถ่ายในภาพยนตร์เรื่องแรกของพี่น้องฟาร์เรลลี่ "Dumb and Dumber" ได้ หรือ "กล่องดวงใจ" ของ เบน สติลเลอร์ ที่เข้าไปติดอยู่ในซิป และ คาเมรอน ดิแอซ กับ "แฮร์เจล" สูตรพิเศษของเธอ ใน "There's Something About Mary" ได้ รวมทั้ง จิม แคร์รี่ ที่ทะเลาะกับตัวเองใน "Me, Myself and Irene" ได้
ไม่เพียงแค่ความสนุกสนาน แต่พี่น้องฟาร์เรลลี่ยังคงเน้นเรื่องราวของความรักและคาแร็คเตอร์ที่ผู้ชมสามารถเข้าถึงได้ "ความสำเร็จในงานภาพยนตร์ของพวกเรา มาจากความรู้สึกของผู้ชมที่มีต่อคาแร็คเตอร์" ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ กล่าว "ผู้ชมต้องการให้ เบน สติลเลอร์ ลงเอยกับ คาเมรอน ดิแอซ ใน "There's Something About Mary" และสำหรับตำรวจที่มีบุคลิกแปลกแยกที่แสดงโดย จิม แคร์รี่ ซึ่งพยายามเอาชนะใจ เรเน่่ เซลวีเกอร์ ใน "Me,Myself and Irene" มันทำให้ผู้ชมขบขัน แน่นอน แต่พวกเขาจะเดินออกจากโรงด้วยความรู้สึกที่ดี
สำหรับผลงานกำกับเรื่องล่าสุดของพวกเขา SHALLOW HAL พี่น้องฟาร์เรลลี่ก็ยังคงเน้นที่อารมณ์ ภาพยนตร์เต็มไปด้วยภาพและคำพูดที่สร้างอารมณ์ขันให้กับผู้ชมที่เป็นแฟนของพวกเขา แต่สำหรับเรื่องราวของความรักที่ไม่ธรรมดา ทีมสร้างต้องการนำเสนอมุมมองในเรื่องของความรัก รวมทั้งยังคงความสนุกสนาน "มีเสียงหัวเราะเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่นั่นไม่ใช่เพียงแค่เสียงหัวเราะ" ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ อธิบาย "มันเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง เกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่พบเนื้อแท้ของตัวเองและตระหนักว่าอะไรคือความสำคัญที่แท้จริง"
บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ เห็นด้วยว่า SHALLOW HAL นำเสนอทิศทางใหม่สำหรับเขาและน้องชาย "ปีเตอร์มักพูดเสมอว่าเรายังไม่เคยทำภาพยนตร์ที่ดีที่สุด แต่ในขณะที่เราทำให้คนดูหัวเราะ เราไม่ได้ทำให้พวกเขาทั้งหัวเราะและร้องไห้ SHALLOW HAL เป็นงานภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึก" แบร้ดลี่ย์ โธมัส หุ้นส่วนร่วมอำนวยการสร้างกล่าว "ผมคิดว่า SHALLOW HAL เป็นภาพยนตร์เรื่องสำคัญของ บ็อบบี้ และ ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ อารมณ์ขันของพวกเขายังคงอยู่ แต่ในเรื่องนี้เรามีโบนัสให้ด้วย มีสารที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการมองเห็นความงามที่อยู่ภายใน เมื่อทุกสิ่งในสังคมทุกวันนี้เป็นอะไรที่ฉาบฉวย ภาพยนตร์เป็นเหมือนเรื่องราวความรักแบบเก่า และความสัมพันธ์ระหว่างฮัลและโรสแมรี่ คือส่วนที่แข็งของภาพยนตร์"
โรสแมรี่ที่ฮัลมองเห็นแท้จริงไม่ได้อรชรอ้อนแอ้น แต่เป็นหญิงสาวที่หนักเกือบ 300 ปอนด์ เป็นสมมติฐานอย่างง่ายๆที่นำไปสู่สิ่งที่ ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ เรียกว่า "ภาพยนตร์ตลกไขมัน" เขาและน้องชายบ็อบบี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด "SHALLOW HAL เป็นภาพยนตร์ ที่เกี่ยวกับความงามที่อยู่ข้างใน" ปีเตอร์กล่าว ประเด็นของภาพยนตร์ไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญคือการเข้าถึงจิตใจของคน" กวินเน็ธ พัลโทรว์ ซึ่งรับบทเป็น โรสแมรี่เสริมว่า "สารที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อออกมาเป็นในเชิงบวกและเต็มไปด้วยความหวัง ฉันคิดว่ามันมีค่ามากและออกมาจากที่ที่ดีที่สุด"
SHALLOW HAL เป็นส่วนผสมของความรัก , เสียงหัวเราะ และ อารมณ์ที่พรั่งพรูออกมาจากใจของ ฌอน มอยนีฮาน อดีตผู้บริหารฝ่ายการตลาดคอมพิวเตอร์ซอฟแวร์ (ปัจจุบันเกษียณอายุ) ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับพี่น้องฟาร์เรลลี่ด้วยจดหมายที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันที่เขาเขียนขึ้นมา ปีเตอร์และบ็อบบี้สนุกกับการอ่านจดหมายโต้ตอบของมอยนีฮาน และพวกเขาก็สนับสนุนมอยนีฮานในการเขียนบทภาพยนตร์ เขาจึงเขียนบทเรื่อง "Eye of the Beholder" ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายคนหนึ่งซึ่งเรียนรู้ที่จะมองความงามจากภายใน เป็นสมมติฐานที่สร้างความประหลาดใจ และพี่น้องฟาร์เรลลี่ก็นำมาพัฒนาเป็นบทภาพยนตร์ร่วมกับมอยนีฮาน
เป็นเวลาหลายปีกับบทร่างจำนวนมากมายกว่าจะออกมาเป็นบทภาพยนตร์ ภายใต้ชื่อ SHALLOW HAL สำหรับการคัดเลือกผู้ที่จะมารับบทเป็น โรส-แมรี่ , เทพธิดารูปงาม (ในสายตาของฮัล) ซึ่งซ่อนความงามอยู่ภายใน เป็นการเลือกที่ง่ายมาก : พี่น้องฟาร์เรลลี่ เขียนบท โรสแมรี่ โดยมี กวินเน็ธ พัลโทรว์ เป็นแบบในใจ-และเธอเองก็ตอบรับบทนี้โดยไม่ลังเล เมื่อผู้กำกับเสนอบทให้เธอ
การคัดเลือก พัลโทรว์ เช่นเดียวกับ คาเมรอน ดิแอซ ใน "There's Something About Mary" และ เรเน่ เซลวีเกอร์ใน "Me,Myself and Irene" เป็นส่วนสำคัญในงานคอมเมดี้ของพี่น้องฟาร์เรลลี่ "ปีเตอร์และบ็อบบี้มักจะมองหานักแสดงหญิงที่สามารถแสดงได้สมจริง" แบร้ดลีย์ โธมัส กล่าว "พวกเขาไม้ต้องการนักแสดงตลก"
สำหรับพี่น้องฟาร์เรลลี่ พัลโทรว์ นำสิ่งที่เหนือกว่าความสมจริงมาใส่ให้กับบท "กวินเน็ธมีคุณสมบัติที่มากกว่าความงาม" บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ กล่าว "เธอให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อเธอยิ้ม ดูเหมือนเธอกำลังมีความสุขและตกอยู่ในความรัก นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการสำหรับคาแร็คเตอร์ของโรสแมรี่"
การทำงานร่วมกับพี่น้องฟาร์เรลลี่ เปิดโอกาสให้พัลโทรว์ พิสูจน์ความสามารถอีกด้านหนึ่งที่แตกต่างออกไป SHALLOW HAL แตกต่างจากบทที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นงานย้อนยุคใน "Shakespear In Love" หรือ "Emma" "ฉันคิดว่า มันน่าสนุกที่ได้ร่วมงานกับปีเตอร์และบ็อบบี้ และได้ทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป ทั้งจากตัวฉันเองและจากสิ่งที่คนทั่วไปคาดวังว่าจะได้เห็นฉัน" เธอกล่าว "มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการทำงาน"
นอกจากนี้พัลโทรว์ยังทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ โดยปฏิเสธการใช้นักแสดงแทน ในฉากที่เธอต้องนั่งบนเก้าอี้ที่ประกอบขึ้นมาชั่วคราวเพื่อให้เธอทำพัง , ฉากกระโดดลงไปในสระน้ำจนทำให้เกิดคลื่นยักษ์ , ฉากพายเรือแคนนูที่ท้ายเรือกระดกขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศ และฉากที่ต้องอุ้ม แจ๊ค แบล๊ค
พัลโทรว์ยังต้องพบกับความลำบาก กับขั้นตอนเมคอัพที่ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง ในการสวมชุดอ้วน สำหรับฉากที่เธอต้องแสดงภาพที่แท้จริงของโรสแมรี่ที่มีน้ำหนักถึง 300 ปอนด์ ทีมสร้างและที่ปรึกษาเมคอัพเอฟเฟ็ก โทนี การ์ดเนอร์ ต้องการให้พัลโทรว์ดูเป็นคนอ้วนจริงๆในชุดอ้วน ภายใต้วิกผมและโฟมลาเท็กหนาหลายชั้น เหนืออื่นใด เป็นสิ่งจำเป็นที่โรสแมรี่ต้องดูสมจริงและต้องไม่ดูเป็นตัวตลก
ชุดอ้วนเป็นส่วนเล็กๆที่สำคัญต่อนักแสดง ระหว่างการทดสอบเมคอัพครั้งแรก พัลโทรว์ตัดสินใจลองสวมชุดแล้ววิ่งไปมาในโรงแรม New York เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น " ฉันอยากรู้ว่าชุดนี้เวิร์คไหม ก็เลยลองไปที่บาร์ในโรงแรม" พัลโทรว์เล่า "แล้วก็เห็นว่าไม่มีใครสนใจฉันเลย เป็นประสบการณ์ที่ช่วยทำให้ฉันเข้าใจอะไรลึกซึ้งขึ้น"
เมื่อได้พัลโทรว์ในบทนำแล้ว ขั้นต่อไปทีมสร้างก็เริ่มมองหานักแสดงนำคู่กับเธอ ในตอนแรกพวกเขาเล็งไปที่นักแสดงชายที่กำลังฮ็อตที่สุดในเวลานี้ แต่ในที่สุดก็คิดว่าผู้ชมคงรู้สึกลำบากใจที่จะให้อภัยชายหนุ่มรูปหล่อแต่มีมีสันดานเสือผู้หญิง "แต่ถ้าเป็นผู้ชายธรรมดาๆที่มองอะไรเพียงแค่ผิวเผินน่าจะดีกว่า" บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ กล่าว "ที่สุดแล้วคุณจะพูดว่า 'ใช่ เขาไม่น่าที่จะเป็นคนที่คิดอะไรเพียงตื่นๆ' เราคิดว่าผู้ชมจะรู้สึกยอมรับในข้อบกพร่องของ 'ผู้ชายธรรมดา' ได้มากกว่า
พี่น้องฟาร์เรลลี่และ แบร้ดลีย์ โธมัส มองเห็น ผู้ชายธรรมดาๆ ใน แจ๊ค แบล๊ค กับผลงานแสดงในงานคอมเมดี้เรื่อง "High Fidelity" "หลังจากดูภาพยนตร์" แบร้ดลี่ย์ โธมัส กล่าว "เรารู้ว่าแจ๊คมีสิ่งที่เราต้องการสำหรับ ฮัล เขาสดและ "น่ารัก" อย่างไม่น่าเชื่อ และมีพลังที่เป็นส่วนสำคัญสำหรับบท และเขาก็ตลกมาก"
พี่น้องฟาร์เรลลี่เสนอบทให้แบล๊คโดยที่เขาไม่ต้องทำสกรีนเทสต์ แต่ แบล๊คกลับรู้สึกเป็นกังวลในการร่วมงานกับสองพี่น้องผู้กำกับที่มีชื่อเสียงเป็นครั้งแรก ด้วยการยืนกรานที่จะขอทำการทดสอบ อย่างไรก็ตามผู้สร้างก็ทำให้แบล๊คเชื่อว่าเขาสามารถแสดงบทนี้ได้อย่างสบาย ความกลัวของเขาจึงหายไปหมด สำหรับปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ ความกังวลแท้จริงของแบล๊ค ก็คือ "การร่วมงานกับกวินเน็ธ พัลโทรว์ ดาราสาวสวย เจ้าของรางวัลออสการ์ เขารู้สึกเป็นกังวลที่จะได้แสดงร่วมกับนักแสดงที่มีอิทธิพล"
"ไม่เพียงแค่ ผมไม่เคยได้รับบทนำมาก่อน" แจ๊ค แบล๊ค เสริม "แต่ผมไม่เคยแสดงอะไรที่เป็นโรแมนติก ผมรู้ว่าการรับบทฮัล เป็นงานที่ท้าทายจริงๆ"
น่าประหลาดใจที่พี่น้องฟาร์เรลลี่รู้สึกพอใจกับความกังวลของแบล๊คสำหรับการแสดงคู่กับพัลโทรว์ "มันเป็นปฏิกิริยาที่ดีที่เกิดขึ้น" ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ ออกความเห็น "เพราะในเรื่อง ฮัลเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ประสบความสำเร็จในการตามตื้อสาวสวย และเขารู้สึกไม่มั่นใจเมื่อมองเห็นความงามของโรสแมรี่"
แต่ความกังวลของแบล๊คก็หายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อการถ่ายทำเริ่มต้น นักแสดงทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกัน พัลโทรว์ยังร้องเพลงคู่กับแบล๊ค "ผมไม่คาดคิดมาก่อน แต่กวินเน็ธเป็นคนขี้เล่น" แบล๊คกล่าว "เธอมักจะแต่งทำนองเพลงขึ้นมาใหม่ ทำหน้าตลกและทำให้ผมแทบสติแตก"
เจสัน อล็กซานเดอร์ แสดงร่วมกับ พัลโทรว์ และ แบล๊ค ในบท มอริชิโอ เพื่อนรักของฮัล มอริชิโอเป็นคนที่มองอะไรเพียงผิวเผินมากกว่าฮัลเสียอีก อเล็กซานเดอร์ เป็นที่รู้จักจากการร่วมแสดงใน"Seinfeld" "เขาเป็นมิตรและสนุกสนาน" บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่กล่าว การที่เจสันเป็นที่รู้จักและชื่นชอบสำหรับผู้ชม จึงต้องทอนเสน่ห์ของเขาลงมา โดยไม่สนว่ามอริชิโออาจจะดูหยาบคายต่อผู้หญิงบ้างเล็กน้อย"
อเล็กซานเดอร์เองก็พอใจกับข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆของคาแร็คเตอร์ เช่นเดียวกับได้มีโอกาสสังเกตการทำงานของพี่น้องฟาร์เรลลี่ "ผมชอบวิธีการทำงานของ ปีเตอร์ และ บ็อบบี้" อเล็กซานเดอร์กล่าว "คอมเมดี้เป็นงานของพวกเขา"
ผู้กำกับบางคนเปลี่ยนหลายอย่างในช่วงต่อของแต่ละเทค แต่ปีเตอร์และ บ็อบบี้จะเปลี่ยนระหว่างเทค มันทำให้การถ่ายทำภาพยนตร์สนุกขึ้น คุณแน่ใจว่าคุณกำลังทำอะไร"
นักแสดงสำคัญอีกคนในเรื่องได้แก่ วอลท์ เพื่อนของฮัล ชายหนุ่มที่ไม่ค่อยมีเรื่องทุกข์ร้อนกับใคร การคัดเลือกนักแสดงสมทบที่ไม่ใช่มืออาชีพ (เช่นครู ไมเคิล บาวแมน ในบทพนักงานเสิร์ฟผิวเผือกที่มีอาการป่วยทางจิตใน "Me, Myself and Irene") เป็นธรรมเนียมของพี่น้องฟาร์เรลลี่ และสำหรับ SHALLOW HAL พวกเขาสร้างคา-แร็คเตอร์ของ วอลท์ สำหรับ เรเน่ เคอร์บี้ ผู้บริหารของ IBM
พี่น้องฟาร์เรลลี่พบเคอร์บี้ขณะถ่ายทำ "Me, Myself and Irene" "เราอยู่ที่บาร์ในคืนหนึ่งและทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนถูกเคาะเบาๆที่หน้าแข้ง" ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ เล่าย้อนให้ฟัง "ผมมองลงมา เห็น เรเน่ เคอร์บี้ คลานสี่ขาผ่านผมไป ผมคิดว่า 'นั่นมันอะไรวะนี่?"
หลังจากชวนเคอร์บี้ดื่มเบียร์ด้วยกัน ปีเตอร์ก็รู้ว่าเคอร์บี้มีกระดูกสันหลังผิดปรกติมาตั้งแต่เกิด แต่พ่อแม่ของเขาไม่ยอมให้เขาใช้รถเข็น , วอล์คเกอร์ หรือ ไม้ค้ำ เคอร์บี้จึงเดินสี่ขา-เขาอาจเป็นคนเดียวในโลกที่เดินด้วยวิธีนี้-แต่เขามีลำตัวช่วงบนที่หนาและใหญ่ เคอร์บี้ชำนาญการเล่นสกีและได้รางวัลชนะเลิศในการแข่งยิมนาสติก นอกจากนี้เขายังเล่นโบว์ลิ่ง , สเก็ตบอร์ด , ขับรถ และขี่จักรยานที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
"ผมไม่เคยเจอใครที่เหมือนเรเน่" ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ กล่าว "เขามีชีวิตที่น่าอัศจรรย์ ถ้าพูดถึงความงามภายใน-ชายคนนี้มีเต็มเปี่ยม" บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ เสริม "เรเน่ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่มากกว่าคนส่วนใหญ่ที่คุณพบเสียอีก และเขายังมีทัศนคติที่ดี เขาไม่ใช่ คนที่จมอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง แม้ว่าเขาจะมีโอกาสเป็นเช่นนั้น และนั่นคือแรงบันดาลใจ"
สำหรับคาแร็คเตอร์ของ วอลท์ พี่น้องฟาร์เรลลี่ให้ความสำคัญเพียงเล็กน้อยกับความบกพร่องทางร่างกายของคาแร็คเตอร์ แต่เน้นที่อารมณ์ขันมากกว่า "วอลท์เป็นคนที่ปราศจากความทุกข์ร้อนใดๆ" บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ กล่าว เราไม่ได้เน้นที่การเดินสี่ขาของเขา เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ร่วมกิจกรรมกับคนอื่นๆ และเป็นที่รักของทุกคน เขาชอบสังสรรค์และเป็นหัวใจของภาพยนตร์"
พี่น้องฟาร์เรลลี่ไม่ได้ถ่ายทำเคอร์บี้อย่างง่ายๆ นอกเหนือจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นงานแสดงเรื่องแรกของเขาแล้ว เขายังต้องเรียนร้องเพลง , เต้นรำและขี่ม้าด้วย เช่นเดียวกับหลายๆสิ่งในชีวิตของเคอร์บี้ เขาตอบตกลงรับงานนี้ "เมื่อพี่น้องฟาร์เรลลี่ติดต่อผมให้มารับบท ผมคิดว่าพวกเขากำลังเล่นพิเรนทร์อะไรซักอย่าง" เคอร์บี้เล่า "ต่อมา พวกเขาส่งบทมาให้ผม พาโค้ชสอนการแสดงและร้องเพลงมาหาผม และส่งตั๋วเครื่องบินไปแอล.เอ.มาให้ผมบินไปหา และร้องเพลงที่ผมเรียนสำหรับภาพยนตร์"
ทั้งหมดในการทำงานหนึ่งวัน เคอร์บี้เล่า "มีเรื่องสนุกสนานมากมายเกิดขึ้นในชีวิต ผมหมายความว่าคุณได้มองเห็นด้านที่สนุกสนานของสิ่งต่างๆ และมองข้ามสิ่งไม่ดีไป ทุกวันผมมักจะมีท่าทางหรือพูดบางสิ่งที่เรียกรอยยิ้มจากใครสักคน หรือทำให้พวกเขาหัวเราะ"
การทำภาพยนตร์ให้ผู้ชมหัวเราะเป็นสิ่งที่ปีเตอร์ และ บ็อบบี้ ฟาร์เรลลี่ ทำออกมาได้ดีที่สุด ไม่เว้นแม้แต่ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา แต่ใน SHALLOW HAL พี่น้องฟาร์เรลลี่ได้ผสมผสานอารมณ์ที่น่าประหลาดใจกับการหัวเราะกับตัวเอง ในขณะที่ตัวเองของเรื่องเริ่มที่จะเข้าใจถึงแก่นแท้ความงามที่แท้จริงของคน ส่วนผสมที่พวกเขาพูดถึง ได้เติมมิติใหม่ลงไปในงานของพวกเขา "ผมภูมิใจในงานภาพยนตร์ของพวกเรา แต่นี่คือความปรารถนาอย่างแรงกล้า" ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ กล่าวเสริมน้องชายบ็อบบี้ "กับ SHALLOW HAL เราต้องการให้ผู้ชมคิด เช่นเดียวกับได้รับความสนุกสนาน ผมคิดว่าเราทำสำเร็จ"--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ