กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยผลการดำเนินงานใน ไตรมาสที่ 1/2560 (1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2560) โดยมีผลกำไรสุทธิรวม 87.2 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 138 จาก ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่เป็นส่วนของ TTA 65.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากอัตรา ค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าโดยปกติแล้วช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมจะเป็นไตรมาสที่มีผลการดำเนินงานอ่อนตัวตามวัฏจักรโดยธรรมชาติของธุรกิจ TTA มีผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาสที่ 1/2560 อยู่ที่ 386.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 69 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และยังคงรักษาความแข็งแกร่งของเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นในงบดุลรวมไว้ได้เท่ากับ 9.7 พันล้านบาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า "เรามีความยินดีที่เห็นผลการดำเนินงานของโทรีเซน ชิปปิ้ง ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจาก ดัชนีบอลติค (BDI) ขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงกว่า 1,300 ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2560 ด้วยเหตุนี้ TTA จึงได้ทำการซื้อเรือ Supramax ขนาดเฉลี่ยเท่ากับ 54,170 DWT จำนวน 1 ลำ ซึ่งมีกำหนดการส่งมอบเรือประมาณเดือนพฤษภาคมปีนี้ เราเชื่อมั่นในอนาคตที่ดีของธุรกิจชิปปิ้งและมองหาโอกาสที่จะปรับกองเรือใหม่ให้ทันสมัยเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า สำหรับสถานการณ์ตลาดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ปรากฏว่ายังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องตลอดไตรมาสที่ 1/2560 ราคาน้ำมันดิบอยู่ในช่วง 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และแม้ว่า จะต้องเผชิญสถานการณ์ที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจจากปัจจัยต่างๆ ก็ตาม เมอร์เมด มาร์ไทม์ ก็ยังสามารถทำกำไรสุทธิในส่วนของ TTA ได้เพิ่มขึ้น สำหรับธุรกิจหลักของ บมจ. พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ หรือ PMTA ในเวียดนาม ยังสร้างผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลกำไรในระดับเดียวกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ เช่นเดียวกับ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส หรือ UMS ที่รายงานผลขาดทุนสุทธิในส่วนของ TTA ลดลง"
ผลการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจ
กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง : อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของกลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง (TSG) ในไตรมาสที่ 1/2560 อยู่ที่ 7,015 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 8 จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นร้อยละ 87 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีบอลติค (BDI) และดัชนีค่าระวางเรือเฉลี่ยของเรือ Supramax (BSI) จากจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 1/2559 โดยอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือที่ TSG เป็นเจ้าของยังอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 99.1 และโดยรวมแล้วอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยใน ไตรมาสที่1/2560 ของ TSG สูงกว่าค่าดำเนินงานเงินสดอยู่ที่ 4,740 เหรียญสหรัฐต่อวัน ทั้งนี้ TSG มีเรือที่เป็นเจ้าของอยู่ 20 ลำ โดยมีขนาดเฉลี่ยเท่ากับ 52,555 DWT และมีอายุเฉลี่ย 11.87 ปี
TSG มีผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 176.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 47 จากไตรมาสก่อนหน้าและร้อยละ 400 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดย TSG รายงานผลกำไรสุทธิ 46 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2560
เมอร์เมด มาริไทม์ : สถานการณ์ในตลาดน้ำมันและก๊าซธรรมาชาติยังคงผันผวน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ จากสิ้นปี 2559 เนื่องจาก OPEC และกลุ่มประเทศนอก OPEC ได้หารือกันในการลดการส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 แต่แม้ว่าไตรมาสแรกของปีถือเป็นช่วงที่ผลการดำเนินงานอ่อนตัวสำหรับธุรกิจของกลุ่ม
เมอร์เมด แต่กลุ่มเมอร์เมดสามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1/2560 อยู่ที่ 26.2 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่าจะมีอัตราการใช้ประโยชย์ของเรือลดลง ในขณะที่ EBIDA จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 124 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 107.7 ล้านบาท มีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง (AOD) อย่างต่อเนื่อง
บมจ. พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ (PMTA) : รายงานปริมาณการขายปุ๋ยอยู่ที่ 38,032 ตัน ในไตรมาสที่ 1/2017 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยต่อตันลดลง ส่งผลให้รายได้จาการขายลดลงเป็น 537.9 ล้านบาท ธุรกิจหลักของบริษัทที่ประเทศเวียดนามยังคงรักษาผลกำไรในระดับเดียวกับปีที่แล้วซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ โดยสามารถดำรงกำไรขั้นต้นที่ 153.2 ล้านบาท แต่เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินดองเวียดนาม ส่งผลให้กำไรสุทธิของไตรมาส 1/2560 ลงมาอยู่ที่ 2.2 ล้านบาท ส่วนอุปสงค์การเช่าพื้นที่โรงงานยังคงอยู่ในระดับสูง เป็นผลให้อัตราการใช้ประโยชน์ของพื้นที่โรงงานให้เช่าอยู่ในระดับร้อยละ 100 ด้วยเหตุนี้รายได้จากการให้บริการให้เช่าพื้นที่โรงงานในไตรมาสที่ 1/2560 เพิ่มขึ้นจาก 10.5 ล้านบาท มาที่ 13.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากพื้นที่ให้เช่าที่เพิ่มขึ้นจาก 42,300 ตร.ม. ในไตรมาส 1/2559 เป็น 50,500 ตร.ม.ในไตรมาส 1/2560
บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) : รายงานผลขาดทุนสุทธิในส่วนของ TTA ลดลงร้อยละ 18 มาอยู่ที่ 16.6 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2560 โดยUMS มีปริมาณการขายถ่านหิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จาก 58 พันตัน ในไตรมาสที่ 1/2559 มาอยู่ที่ 63 พันตัน ในไตรมาสที่ 1/2560 โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1 จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 180.7 ล้านบาท เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2559
กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวสรุปว่า "พันธกิจของ TTA คือ การรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีนโยบายที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่ ในขณะเดียวกัน เรายังคงมองหาโอกาสในการลงทนใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในธุรกิจที่เกื้อหนุนกับธุรกิจเดิมเพื่อสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้น"