กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารไทย เพราะประเทศไทยมีความหลากหลายเชิงชีวภาพ และวัฒนธรรมด้านอาหารมายาวนาน สามารถใช้จุดแข็งและความได้เปรียบทางการเกษตร มาต่อยอดเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้ อาหารไทยเป็นสิ่งจูงใจอย่างหนึ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุด สภาอาหารริมทางโลก (World Street Food Congress) ยกให้เมนูหอยทอด เป็น 1 ใน 3 โดยคว้าอันดับที่ 3 ของอาหารที่ขึ้นชื่อมากที่สุดและร้านอาหารไทยยัง ได้รับรางวัล ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียอย่าง Asia's 50 Best Restaurants และในระหว่างนี้ได้ทำงานใกล้ชิดกับ กทม เพื่อหาแนวทางการจัดระเบียบสตรีทฟู้ดร่วมกัน โดยเริ่มที่ ถนนเยาวราช ถนนข้าวสาร และถนนทองหล่อ เพราะเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยม และเป็นที่รู้จักระดับโลก กระทรวงท่องเที่ยวฯ เสนอให้คงรักษาความเป็นอัตลักษณ์หรือกลิ่นอายแบบเดิมที่นักท่องเที่ยวชอบให้ได้มากที่สุด เพราะถือเป็นจุดขายสำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายด้านอาหาร
นางกอบกาญจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และอธิบดีกรมการท่องเที่ยว เป็นผู้แทนประเทศไทย เข้าร่วมลงนามความตกลง ว่าด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดงาน "UNWTO World Forum on Gastronomy Tourism ครั้งที่ 4" ในการประชุมองค์การการท่องเที่ยวโลก เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2560 ที่เมืองซาน เซบาสเตียน ประเทศสเปน ในขณะเดียวกันก็ยังสานต่อโครงการเส้นทางอาหารตามรอยวัตถุดิบโครงการหลวง ซึ่งมอบหมายให้ กรมการท่องเที่ยว เตรียมจัด "กูเม่ร์ทริปส์" (Gourmet Trips) อย่างต่อเนื่อง และเร่งให้ ททท. เดินหน้าโครงการ The Michelin Guide Thailand โดย ฉบับแรกจะออกมาปลายปีนี้ ซึ่งไทยจะเป็นประเทศที่ 6 ในภูมิภาคนี้ที่ได้ Michelin Star นอกเหนือจาก ญี่ปุ่น จีน เกาหลี สิงคโปร์ และฮ่องกง
รมว ท่องเที่ยว กล่าวต่อไปว่าได้ผลักดันให้เกิด Gastronomy Mice โดยขอความร่วมมือผ่าน คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ( กกร- สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย) ให้หน่วยงานเอกชน จัดประชุมสัมนาข้ามภาค เพิ่มกิจกรรมเยี่ยมชมโครงการพระราชดำริ ใช้อาหารท้องถิ่นในการจัดประชุม ซื้อสินค้าชุมชน เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
ทั้งนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะให้การสนับสนุนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการจัดงาน"เกษตรกรไทยก้าวไกล ใต้ร่มพระบารมี" ซึ่งจะจัดขึ้นที่สวนลุมพินี ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2560 นี้ โดยมีภาคเกษตรจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
ด้านความร่วมมือกับ กลุ่มประชารัฐ ตามโครงการ Amazing Thai Taste ททท. จะร่วมจัดงานมหกรรมอาหารจานเด็ด "อร่อยแบบไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร Amazing Tastes Festival 2017 ระหว่างวันที่ 8- 11 มิถุนายน โดย รวบรวมอาหารไทย ร้านค้าริมทาง และการแสดงหลากหลาย มาไว้ในวานนี้ที่ ลานกิจกรรม สถานีแอร์พอร์ตลิงค์ มักกะสันนอกจากนี้ยังเดินหน้าสร้างความรับรู้ และกระตุ้นให้เกิด การบริโภคอาหารไทย ข้าวไทย และผลไม้ไทยทั้งคนไทยและต่างชาติ เพื่อกระจายรายได้จากการบริโภคไปสู่เกษตรกร รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับมาตรฐานและราคาให้สินค้าอาหารไทยเป็น Premium Product นั้น ได้นำร่องการจัดทำ Rice List Menu 2 โครงการคือ
1. โรงแรมไทย เริ่มที่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เตรียมเพิ่มเมนูข้าว 6 พันธุ์ สำหรับบุฟเฟ่ต์ ซึ่งจากเดิมใช้เพียงข้าวหอมมะลิเพียงอย่างเดียว โดยได้คัดเลือกพันธุ์ข้าวท้องถิ่นในการส่งเสริม จำนวน 6 พันธุ์ ได้แก่ 1.ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ 2.ข้าวสินเหล็ก 3.ข้าวไรซ์เบอรี่ 4.ข้าวมะลินิลสุรินทร์ 5.ข้าวทับทิมชุมแพ และ 6.ข้าวสังข์หยด
2. ร้านอาหารไทย เริ่มนำร่องโครงการในร้านอาหารไทย ภายในกรุงเทพมหานคร จำนวน 10 ร้าน ด้วยการคัดเลือกพันธุ์ข้าวท้องถิ่น จำนวน 4 พันธุ์ สร้างวัตกรรมข้าวท้องถิ่นพร้อมรับประทาน ได้แก่ 1. ข้าวหอมมะลินิลสุรินทร์ 2. ข้าวเหนียวลืมผัว 3. ข้าวสังข์หยด และ 4. ข้าวหอมมะลิแดง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเลือกรับประทานข้าวถิ่นได้ง่ายมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้ง ยังเป็นการลดความยุ่งยากในการบริหารจัดการของร้านอาหารสำหรับการหุงข้าวท้องถิ่น
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอาหารที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมจัดงานขึ้นในเดือนพฤษภาคม โดย ททท.ร่วมกับ 4 จังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วย ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี จัด "งานเทศกาลสวนผลไม้ และของดีภาคตะวันออก" ประจำปี 2560 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agro Tourism) สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทย เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม มีสวนผลไม้ระยอง จันทบุรี ตราด เข้าร่วมกว่า 40 สวน โดยมีเงื่อนไขคิดเป็นอิ่มละ 150-450 บาท และ ททท.ได้จัดทำโปรโมชั่นพิเศษ แจกคูปองชิมผลไม้มูลค่า 100 บาท นำมาหักส่วนลดของราคาค่าเข้าสวนผลไม้ จำนวน 20 แห่ง จาก 4 จังหวัดภาคตะวันออกคาดการณ์รายได้จากการเข้าสวนผลไม้ปีนี้กระจายรายได้กว่า 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา
รมว. ท่องเที่ยว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมาได้ไปร่วมงานบุญบั้งไฟ ที่ยโสธร ซึ่งเป็นจังหวัดต้นแบบในการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ ทางจังหวัดจัดทำโครงการ "ร่วมลงขัน ชวนกันไปทำนา 2560 " โดยจับคู่เกษตรกร และเลือกพื้นที่ทำนาให้แก่ผู้ร่วมโครงการท่านที่สนใจสามารถร่วมลงขันได้ กรณีที่ลงขัน 3000 บาท จะได้ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ 50 กิโลกรัม หากลงขัน 5,000 บาท ได้ 100 กิโลกรัม เป็นต้น ทั้งนี้ได้เชิญชวนให้ผู้ร่วมลงขันมาทำนากับเกษตรกรในช่วงเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ ไก๋ สไตล์ลึกซึ้ง แบบ ไทเท่ ได้อีกรูแบบหนึ่ง โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะปรับพื้นที่การเกษตรให้เป็นเกษตรอินทรีย์ ตามเป้าหมาย 1 แสนไร่ โดยปัจจุบันเข้าสู่ระบบแล้ว 8 หมื่นไร่ และยังเป็นการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น Young Smart Farmer (YSF) เพื่อทดแทนเกษตรกรผู้สูงอายุและสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่หันมาทำเกษตร
รมว ท่องเที่ยว กล่าวสรุปรายงานสถานการณ์ท่องเที่ยว ว่าสถิติจนถึงปัจจุบัน ( 15 พฤษภาคม 60 )มีนักท่องเที่ยวสะสมรวมกว่า 12 ล้านคนแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสม จำนวน 13,115,602 คน ก่อให้เกิดรายได้ 674,017.84 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.33 และ 4.10 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา