กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวงเร่งช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในจังหวัดราชบุรี เนื่องจากมีบางพื้นที่กำลังประสบกับปัญหาฝนตกไม่ทั่วถึง รวมทั้งเติมน้ำให้กับแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีความแห้งแล้งอยู่ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้ดีขึ้น และยังสนับสนุนช่วยเสริม การทำงานของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงของภาคกลางในการเป็นฐานเติมสารฝนหลวงอีกด้วย
วันที่ 15 พฤษภาคม 2560 เวลา 12.00 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศทางภาคกลางของประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองในบางที่ แต่ยังคงมีฝนตกไม่ทั่วถึงในบางจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดราชบุรีที่ยังคงประสบกับปัญหาภัยแล้งบริเวณแหล่งน้ำธรรมชาติและพื้นที่การเกษตรบางแห่ง จึงได้สั่งการให้นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ ปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่จังหวัดราชบุรี โดยเพิ่มฐานเติมสารฝนหลวงภาคกลาง ตั้งขึ้นที่สนามบินวิทยาลัยเทคโนโลยีโพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นการชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือบริเวณพื้นที่ตำบลทุ่งหลวง อำเภอปากท่อ ซึ่งเป็นพื้นที่อับฝนมีฝนตกน้อย ทำให้อาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในการขาดน้ำอุปโภค บริโภค และ ทำการเกษตรได้ โดยได้นำเครื่องบินชนิด คาซ่า จากหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี มาประจำการ ณ ฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดราชบุรี เพื่อเป็นการลดระยะเวลาการเดินทาง ซึ่งจะสามารถช่วยสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง รวมทั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและทันต่อสภาพอากาศที่เอื้อต่อการทำฝนทันที
สำหรับภูมิภาคต่างๆ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเติมน้ำให้เขื่อนที่มีปริมาณน้ำน้อยอย่างต่อเนื่อง โดยผลการปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม – 14 พฤษภาคม 2560 มีการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 70 วัน ขึ้นปฏิบัติงานจำนวน 1,395 เที่ยวบิน (1912:15 ชั่วโมงบิน) ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 1,207.03 ตัน พลุซิลเวอร์ไอโอไดด์สำหรับภารกิจปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 433 นัด มีจังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 55 จังหวัด และทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างสะสมรวม 249.47 ล้าน ลบ.ม. นายสุรสีห์ กล่าวทิ้งท้าย