กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--มีเดีย พลัส คอนเนคชั่น
บริษัท เกรทเทสท์ เพ็ทแคร์ จำกัด ตั้งธงส่งอาหารสุนัขเกรท ไททัน และอาหารแมวลินคอล์น เกรดพรีเมี่ยม ชิงตลาดมูลค่ารวมกว่า 13,000 ล้านบาท ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งเป็นคีย์เพลเยอร์ใน 5 ปี พร้อมเล็งส่งออกตลาดเออีซี
นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานที่ปรึกษา บริษัท เกรทเทสท์ เพ็ทแคร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตทั้งในประเทศ และขยายฐานการตลาดต่างประเทศ โดยมีผลิตภัณฑ์ อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ด เกรทไททัน และ ลินคอล์น เป็นสินค้าแฟล็กชิป อยู่ในเซกเมนท์พรีเมี่ยม อาหารสุนัขและแมวโอเล่ ที่เป็นเซกเมนท์แสตนดาร์ด รวมไปถึงอาหารเปียกเชอร์แมน และกลุ่มขนมสำหรับสุนัขและแมว คาดว่าภายใน 5 ปี จะเป็นหนึ่งในผู้นำของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง ในประเทศไทย
"บริษัทฯลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท โดยแบ่งการลงทุนเป็น 3 ด้านได้แก่ 1.ส่วนของการวิจัยและ พัฒนาผลิตภัณฑ์2.ปรับปรุงไลน์ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเพิ่มไลน์ผลิตใหม่กลุ่มสินค้า พรีเมี่ยม 3.เพิ่มบุคลากรที่มีประสบการณ์ทั้งด้านการผลิต และการตลาด เพื่อรองรับแผน การรุกตลาด ทั้งกลุ่มพรีเมี่ยม กลุ่มระดับกลาง และปริมาณการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมี กำลังการผลิต อยู่ที่ 3,000 ตันต่อเดือน ซึ่งนอกจากในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขและแมว บริษัทฯ ยังผลิตอาหารปลาและกบ รวมถึงรับจ้างผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์อื่น หรือโออีเอ็มในสายการผลิต อาหารสัตว์เศรษฐกิจ" นายธนพิศาล กล่าว
ด้านการเข้ามาลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงนั้นนายธนพิศาล เผยว่า มองที่โอกาสในการขยายตัว ของธุรกิจ ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตสูงมาก ให้ผลตอบแทนที่ดี จากข้อมูลวิจัยในการสัมมนา Pet Connected พบว่าในตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยมีมูลค่ากว่า 26,816 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนของ อาหารสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 13,000 ล้านบาท และตลาดสัตว์เลี้ยงในภูมิภาคอาเซียน มีมูลค่ารวม ประมาณ 42,603 ล้านบาท จะเห็นว่าตลาดบ้านเรากินสัดส่วนกว่า 50% ของตลาดอาเซียน
"ปีที่ผ่านมาตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตประมาณ 16% โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดเติบโตสูง เป็นเพราะไลฟ์สไตล์ของคนปัจจุบัน ครอบครัวมีขนาดเล็กลง เนื่องจากแต่งงานช้า มีบุตรช้า และ มีจำนวนน้อยลง ใช้ชีวิตตามลำพังมากขึ้น รวมทั้งเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงมีสัตว์เลี้ยง เป็นเพื่อนคลายเหงา เลี้ยงดูแบบใกล้ชิด เป็นสมาชิกของบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มสุนัข และแมว ที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากเป็นอันดับ 1 และ 2 กลุ่มคนรักสัตว์เหล่านี้ มองหาทุกอย่างที่จะทำให้ คุณภาพชีวิตของ เพื่อนรัก หรือลูกของตนดีขึ้น"
โดยอาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดเป็นทางเลือกที่กลุ่มคนเหล่านี้ใช้มากที่สุด เพราะสะดวก และมีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสม "หัวใจหลักของการทำธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงก็คือ การเข้าใจ ใส่ใจ ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคและสัตว์เลี้ยง เรามีการร่วมทำวิจัยและพัฒนาสูตรอาหารกับคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ ใหม่ ๆ ของตลาดอย่างสม่ำเสมอ โดยหลักในการพัฒนาสูตรอาหารสัตว์เลี้ยงของเราคือFormulated with Care ใส่ใจผู้บริโภค ใส่ใจสัตว์เลี้ยง เน้นวัตถุดิบที่ต้องสดใหม่ คุณภาพเทียบเท่า กับอาหารของคน และมีการเติมสารอาหารที่เสริมความแข็งแรงให้กับสัตว์ เช่นเพิ่ม Nucleotide ปรับระบบย่อย เสริมภูมิคุ้มกันให้กับสุนัขและแมว ขณะเดียวกันก็ต้องใส่ใจในกระบวนการผลิต ทั้งระบบ ซัพพลายเชน เพื่อการันตีว่าเราจะได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพคงที่สม่ำเสมอ" นายธนพิศาล เสริม
ในด้านการทำตลาด วางตำแหน่งแบรนด์เกรท ไททันและ ลินคอล์น ในเกรดพรีเมี่ยม เจาะกลุ่ม คนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ ยินดีจ่ายเพื่อคุณภาพของสินค้า ที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดี โดยสร้าง แบรนด์เกรท ไททัน ให้เป็นที่รู้จัก และจดจำในฐานะของ"อาหารสุนัข ที่ซื่อสัตย์กับสุนัขทุกตัว" และแบรนด์ลินคอล์น คือ "อาหารแมวที่คิดอย่างผู้นำ"
"ส่วนในเซกเมนท์แสตนดาร์ด เรามีแบรนด์โอเล่ ซึ่งเป็นอาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ด ที่ราคาปานกลาง ครอบคลุมตลาดกลุ่มคนรักสัตว์ที่มีความรักไม่ต่างกันแต่กำลังซื้อน้อย โอเล่ก็จะมาตอบโจทย์ ตลาดกลุ่มนี้ ซึ่งได้ทำตลาดมากว่าครึ่งปี ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากร้านค้าและผู้ซื้อ เรียกได้ว่า เราครอบคลุมทุกเซกเมนท์หลัก ในอนาคตเราจะพัฒนาแตกไลน์ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่มีอยู่ ให้ตอบโจทย์มากยิ่ง ๆ ขึ้น"
"ในปีแรกนี้เราเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์ โดยสื่อสารเจาะเข้ากลุ่มคนที่รักสัตว์เหมือนสมาชิก ครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นสุนัขและแมวสายพันธุ์แท้ พันทาง หรือสุนัขจร แมวจรที่ถูกรับเลี้ยงผ่าน ช่องทางออนไลน์ สื่อโซเชียล และออฟไลน์ กิจกรรมออกบูธแนะนำสินค้า กิจกรรม CSR ที่แสดงถึงการเป็นเพื่อนที่ดีกับสุนัขและแมวทุกตัว และการเป็นเพื่อนที่ดีของสังคมร่วมกันรับผิดชอบปัญหา
สัตว์จรจัด ซึ่งเป็นเป้าหมายการทำงานของเกรทเทสท์ เพ็ท แคร์ ที่ว่า Always There For Great Friends โดยวางเป้าหมายการทำตลาดในประเทศไทยให้ครอบคลุมกรุงเทพ และหัวเมืองใหญ่ ในสัดส่วน 90% และตลาดต่างประเทศประมาณ 10%" นายธนพิศาล สรุป
เพื่อสร้างการรับรู้อาหารสุนัขแบรนด์ เกรท ไททัน และอาหารแมวลินคอล์น จึงได้เข้าร่วมงาน "เพ็ท เอ็กซ์โป ไทยแลนด์ 2017" โดยเน้นการให้ผู้เลี้ยงได้นำอาหารไปลองกับสุนัขและแมว และ มีการส่งเสริมการขายด้วยการทำกิจกรรม CSR ร่วมกับผู้ซื้อ นั่นคือทุกการซื้อ 1 กิโลกรัม เกรท ไททัน และลินคอล์นร่วมบริจาค 10 บาท เพื่อร่วมสมทบทุนโครงการช่วยเหลือสัตว์จรจัด และแถมกระเป๋า สะพายสุดชิคอีก 1 ใบ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษสำหรับผู้เข้าเยี่ยมชมบูธ โดยงานจะเริ่มขึ้นวันที่ 25 – 28 พฤษภาคม นี้ ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์