กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--สยามกลการ
ฮิตาชิเอลลิเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำหน่าย ติดตั้งและบริการบำรุงรักษาลิฟต์ บันไดเลื่อน และทางเลื่อน HITACHI ด้วยอะไหล่แท้แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ กับสโลแกน Hitachi : Inspire the Next พร้อมลงทุนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน
กลุ่มสยามกลการ โดย นายไมเคิล ถัง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ (ขาย–ออกแบบวิศวกรรมและการตลาด) บริษัท ฮิตาชิเอลลิเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต จำหน่าย ติดตั้งและบริการบำรุงรักษาลิฟต์ บันไดเลื่อน และทางเลื่อน ยี่ห้อ HITACHI เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า "ผมในฐานะที่เข้ามาทำหน้าที่ดูแลด้านขาย–ออกแบบวิศวกรรมและการตลาดของลิฟต์ฮิตาชิในเมืองไทย ซึ่งพร้อมจะช่วยทีมงานในการเสริมสร้างศักยภาพความเข้มแข็ง ความแข็งแกร่งทุกด้าน และพร้อมในการขับเคลื่อนธุรกิจลิฟต์–บันไดเลื่อนในประเทศไทย ให้เติบโตสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด โดยเฉพาะมองหาช่องทางการจำหน่ายลิฟต์ในประเทศให้เพิ่มขึ้น และการลงทุนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน คือ สหภาพเมียนมาร์ และกัมพูชา มั่นใจว่าจะขยายฐานลูกค้าให้มีเครือข่ายทั่วโลก
แนวโน้มตลาดลิฟต์ฮิตาชิในเมืองไทย แบ่งเป็นส่วนของภาครัฐ ประมาณ 40% อาทิ สาธารณูปโภคพื้นฐาน สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล และภาคเอกชน ประมาณ 60% อาทิ อาคารที่อยู่อาศัย สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โดยลิฟต์และบันไดเลื่อนฮิตาชิ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงหลังของปีที่ผ่านมา อาจเป็นผลจากการขยายตัวของโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ เช่น BTS และ MRT ทำให้ความต้องการของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า และโครงการก่อสร้างมีการเติบโตสูงมาก โดยสัดส่วนการขายหลักจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นที่มาจากการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งทำให้การเติบโตของอาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย รวมไปถึง ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ย่านชานเมืองที่เพิ่มมากขึ้น โดยอาคารประเภทที่อยู่อาศัย มีอยู่ 2 แนวโน้มหลักๆ คือ คอนโดมิเนียม ที่มีลักษณะหรูหรา ราคาสูงตั้งอยู่ใจกลางเมือง และคอนโดมิเนียมที่มีความสูงไม่มาก และราคาไม่สูง นอกจากนี้ ยังมีทาวน์เฮาส์สไตล์หรูในเขตชานเมืองสำหรับครอบครัวใหญ่ที่ประกอบด้วยคน 3 รุ่น ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากสังคมผู้สูงอายุที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยุคที่สถานการณ์เปลี่ยนไปเช่นนี้ทำให้บริษัทฯ มองว่าลูกค้ามีการศึกษาข้อมูลและให้สนใจในระบบความปลอดภัยมากที่สุด
นายไมเคิล กล่าวเพิ่มเติม สำหรับภาพรวมของตลาดลิฟต์ในเมืองไทยมีการเติบโตประมาณอยู่ที่ 3-5% โดยธุรกิจลิฟต์ฮิตาชิ ก็มีอัตราการเติบโตในอัตราเดียวกัน โดยในปี 2015 ความต้องการของลูกค้าในกลุ่มประเทศแถบเอเชีย (รวมประเทศอินเดีย และตะวันออกกลาง) อยู่ที่ประมาณ 175,000 ตัว โดยมีสัดส่วนในเมืองไทย อยู่ที่ 5,500 ตัว ต่อปี
นอกจากนี้ มีโรงงานผลิตลิฟต์ฮิตาชิ อยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร กม. 57 (เฟส 9) มีเพิ่มกำลังการผลิต 1.5 เท่า จากเดิม 1,500 ตัวเป็น 2,500 ตัว และมีเป้าหมายว่าจะผลิตเพิ่มขึ้นอีก ตลอดจน มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด คือ ลิฟต์รุ่น UAG-SN1 ที่เน้นประหยัดพลังงานมีระบบฟอกอากาศ และระบบเซ็นเซอร์แบบ Multibeam รองรับมาตรฐานยุโรป EN Standard กับคอนเซปท์ Simplified Specification Selection Process เน้น Spec และ Design เพิ่มความมั่นใจตรงใจผู้บริโภคมากที่สุด รวมทั้ง มีศูนย์ฝึกอบรมแห่งเอเชีย หรือ Asia Training Center เพื่ออบรมวิศวกรในภูมิภาคพัฒนาทักษะการติดตั้งการบำรุงรักษาลิฟต์–บันไดเลื่อน ที่ทำธุรกิจลิฟต์และบันไดเลื่อนในภูมิภาคเอเชีย
ที่สำคัญ ลิฟต์ฮิตาชิ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ อาทิ The G Tower Ratchada Rd., Pearl Bangkok building of Pruksa Group, Em Quatier shopping mall, Central, East Ville, ICON SIAM Building, which rises 320 meters, 73 stories, โรงพยาบาลรามาธิบดี บางพลี, อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 แจ้งวัฒนะ, ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และอื่นๆ ส่วนในต่างจังหวัด เช่น มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลนครราชสีมา,โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล หัวหิน, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช, สนามบินภูเก็ต และอื่นๆ
ปัจจุบัน ลิฟต์ฮิตาชิ มีศูนย์บริการครบวงจร 13 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่, พิษณุโลก, ขอนแก่น, นครราชสีมา, ประจวบคีรีขันธ์, ชลบุรี, สงขลา ภูเก็ต และต่างจังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี และอุดรธานี ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานครมี 5 แห่ง คือ ปทุมวัน เพชรบุรีตัดใหม่, รามอินทรา, วิภาวดี และหนองแขม เพื่อบริการลูกค้าได้ทันเวลาทันเหตุการณ์ สร้างความมั่นใจแก่ลูกค้ากับบริการด้วยระบบ Call Center 02-641-3030 และระบบบริการ Quick Team ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ นายไมเคิล กล่าวในที่สุด