กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--บลจ.วรรณ
บลจ.วรรณ เผย ธุรกิจภาคอสังหาฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก และออฟฟิศ เติบโตได้ตามปัจจัยเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวมองแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อราคาค่อนข้างจำกัด ขณะที่การลงทุนในระยะยาวอัตราการจ่ายเงินปันผลยังอยู่ในระดับดีจากรายได้ค่าเช่าที่ยังเติบโตต่อเนื่องพร้อมประกาศจ่ายปันผล 3 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวรรณ จำกัด(บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้ บริษัทมีมุมมองบวกต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก และออฟฟิศ จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่คาดว่าจะมีจำนวนมากขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของไทย และการกลับมากระตุ้นการใช้จ่ายจากการโฆษณาผ่านช่องทางสื่อต่างๆที่กลับมาเกือบเต็มตัวถึงแม้ว่ายอดการเบิกจ่ายจะน้อยกว่าในปีที่ผ่านมาก็ตาม ในขณะที่อุปทานของออฟฟิศในย่านใจกลางเมือง เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้อัตราการเช่า (Occupancy Rate) ยังจะคงอยู่ในระดับสูงต่อไป และจะเอื้อผลดีต่อผู้ประกอบการและการสร้างผลตอบแทน
ปัจจุบันอัตราการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยยังคงอยู่ในอัตราที่สูง ประมาณ 5.79% ต่อปี(ข้อมูล ณ 30 เม.ย. 60) ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 2.745% ต่อปี บ่งชี้ได้ว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยังมีส่วนต่างผลตอบแทนที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกจะเริ่มเข้าสู่ช่วงขาขึ้นแล้วก็ตาม โดยเริ่มมีการคาดการณ์ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนมิ.ย.นี้จะมีประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ แต่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยยังทรงตัวในระดับต่ำ ที่ 1.50% ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ได้รับแรงขับเคลื่อนจากนโยบายการคลัง และสภาพคล่องในระบบที่ยังเพียงพอ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศจะสามารถเอื้อต่อธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับค่าเช่าต่อไป
ในส่วนกองทุนรวมอสังหาริทรัพย์ของบลจ.วรรณ คณะกรรมการจัดการลงทุนได้มีมติจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จากกำไรสุทธิของผลดำเนินงานในไตรมาสแรกกระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560 จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 (TIF1) ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.20 บาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยูนิลอฟท์ (UNIPF) ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.175 บาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.175 บาท หรือคิดเป็น Dividend Yield ระดับราคา ณ สิ้นไตรมาส 1/60 ประมาณ 9.89% 7.24% และ 6.82% ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 3 กองทุนจะกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 7 มิถุนายน 2559
สำหรับ กองทุน TIF1 เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาคารโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรมและเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี และ จังหวัดชลบุรี จำนวนรวมทั้งสิ้น 26 โรงงาน กองทุน UNIPF เป็นกองทุนรวมที่ได้ลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในโครงการหอพักยูนิลอฟท์ ศาลายา พร้อมระบบสาธารณูปโภค งานระบบ เฟอร์นิเจอร์ วัสดุ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องและจำเป็นต่อการใช้ประโยชน์ในโครงการ และกองทุน BKKCP ลงทุนในห้องชุดสำนักงานและพาณิชยกรรม ในอาคารชาญอิสระทาวเวอร์ จำนวน 24 ห้อง และ อาคารชาญอิสระ ทาวเวอร์ 2 จำนวน 136 ห้อง ซึ่งกองทุนจะมีรายได้จากการทำสัญญาจากผู้เช่ารายย่อย โดยแต่งตั้งบริษัท ชาญอิสสระดีเวล็อปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เป็นผู้บริหารและดูแลทรัพย์สินออกจัดหาประโยชน์ให้แก่กองทุน