กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--Hill & Knowlton
เบอร์ทอลลี่® ประเทศไทย แบรนด์น้ำมันมะกอกอันดับหนึ่งของโลก เผยกลยุทธ์ทางธุรกิจและการตลาดเป็นครั้งแรก ตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันสำหรับการบริโภค พร้อมเติบโตด้วยอัตรา 10% ในปี 2560 นี้ โดยคาดว่าเบอร์ทอลลี่® ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้ความดูแลของบริษัท ดีโอเลโอ จากประเทศสเปน จะสามารถทำยอดขายได้กว่า 242 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหากทำได้ตามเป้าหมายการเติบโตระดับเลขสองหลัก จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตลาดอันดับหนึ่งของเบอร์ทอลลี่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และก้าวสู่อันดับสามของเอเชียในด้านยอดขายเชิงปริมาณและศักยภาพการทำกำไร
แบรนด์ระดับรางวัลอย่างเบอร์ทอลลี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันมะกอกบรรจุขวดรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ยกให้ประเทศไทย มีฐานะเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่นที่สุดของเอเชีย โดยปัจจุบัน เบอร์ทอลลี่มีส่วนแบ่งการตลาด 52% ในตลาดน้ำมันมะกอกค้าปลีกทั้งหมดของประเทศไทย และสามารถทำยอดขายได้มากถึง 220 ล้านบาทในปี 2559 สำหรับเป้าหมายการขยายธุรกิจในโอกาสนี้ มีที่มาจากการเติบโตในเชิงเศรษฐศาสตร์มหภาคของไทย และเทรนด์รักสุขภาพที่มีแนวโน้มโดดเด่น รวมถึงการเติบโตของจีดีพีที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 3.6% ในปี 25611 ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของชาติแถบโซนยุโรปที่คาดว่าจะอยู่เพียงที่ 1.8% ในปีเดียวกัน2
"ความคาดหวังในเชิงบวกของเราที่มีต่อประเทศไทยนี้ มีรากฐานจากปัจจัยหลัก 2 ประการ ได้แก่ การขยายตัวของฐานผู้บริโภคกลุ่มชนชั้นกลาง และความเข้าใจที่เพิ่มมากขึ้นในประโยชน์ต่อสุขภาพของน้ำมันมะกอก เราพบว่ากลุ่มชนชั้นกลางที่อาศัยอยู่ในเมืองกำลังขยายตัวขึ้น3 โดยมีสัดส่วนมากถึง 72% ของประชากรในเมืองทั้งหมด4 และกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ ก็กำลังมองหาผลิตภัณฑ์พรีเมียมระดับโลก เพื่อนำมาผสมผสานกับอาหารไทย" นายกาย มันซ์-โจนส์ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เบอร์ทอลลี่ โกลบอล กล่าว "นอกจากนี้ ผลการศึกษาเกี่ยวกับชนชั้นกลางในประเทศไทยยังพบว่ากว่า 62% ยกให้ "การมีสุขภาพที่ดี" เป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ในชีวิต"
เบอร์ทอลลี่เปิดตัวออกสู่ตลาดไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2539 ผ่านการจัดจำหน่ายโดยบริษัท ซิโน-แปซิฟิคเทรดดิ้ง จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้า และหลังจากที่ตลาดได้ขยายตัวขึ้นถึงสองเท่าตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เบอร์ทอลลี่ ประเทศไทย จึงได้ตั้งเป้าหมายในการขยายตลาดน้ำมันมะกอก ผ่านการสร้างความเข้าใจในกลุ่มผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการจับกระแสความสนใจที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันเพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์ของน้ำมันมะกอกที่มีต่อสุขภาพนั้น มีทั้งด้านการลดปริมาณคอเลสเตอรอลชนิด LDL และการลดระดับน้ำตาลในเลือด นับเป็นเทรนด์การบริโภคที่กำลังเป็นที่นิยม ทั้งนี้ เบอร์ทอลลี่ยังพบว่า 90.2% ของประชากรชาวไทยที่ได้รับการสำรวจนั้น มองว่าระดับคอเลสเตอรอลเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ในการพิจารณาเลือกรับประทานอาหาร นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าคนไทยในกลุ่มตัวอย่างถึง 34.4% ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด ได้เริ่มหันมารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในช่วง 1-6 เดือนหลัง
"ด้วยวัฒนธรรมด้านอาหารที่โดดเด่น และแนวโน้มการซึมซับเทรนด์ระดับโลกอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับเบอร์ทอลลี่ สอดคล้องกับคุณสมบัติของน้ำมันมะกอก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าคู่กับอาหารไทยได้อย่างออกรส ประโยชน์ต่อสุขภาพ และกระแสความนิยมในระดับโลก" นายกาย มันซ์-โจนส์ อธิบายเสริม "นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยยังมีสัดส่วนของค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจในการเลือกซื้อสินค้าระดับพรีเมียม5"
ในปี 2560 นี้ กิจกรรมทางการตลาดของเบอร์ทอลลี่จะมุ่งเน้นมุมมองเชิงกลยุทธ์ในการเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับคุณภาพและคุณประโยชน์ของน้ำมันมะกอก ผ่านการลงทุนรวมมูลค่ากว่า 18 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นการสื่อสารผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก โดยเฉพาะทางเฟสบุ๊ค รวมทั้งการโปรโมทแนวคิดผ่านเซเล็บและผู้มีชื่อเสียงในแวดวงอาหารที่นิยมใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหารไทย
"เราเชื่อว่าหากเรามุ่งเน้นการผสมผสานให้น้ำมันมะกอกเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้บริโภคชาวไทย เราก็จะสามารถสร้างการเติบโตของตลาดในระยะยาวได้ เรามุ่งหวังที่จะเพิ่มความรู้และความมั่นใจในการใช้น้ำมันมะกอก รวมถึงประโยชน์ของน้ำมันมะกอก ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รับทราบ ผ่านช่องทางการตลาดของเรา เบอร์ทอลลี่มุ่งมั่นที่จะมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพให้กับผู้บริโภคชาวไทย และเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นผู้นำในการพลิกโฉมตลาดไทยให้กลายเป็นตลาดชั้นนำของผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกอกในภูมิภาคนี้"