กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กระทรวงแรงงาน เผย พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้านคืบหน้า เตรียมออกกฎกระทรวงห้ามผู้ว่าจ้างให้หญิง มีครรภ์ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีทำงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย มุ่งขยายการคุ้มครองอย่างเท่าเทียม ครอบคลุมและทั่วถึง
นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองแรงงานตามกฎหมายอย่างทั่วถึง เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และกำกับดูแลให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบกิจการ ลูกจ้าง ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานอย่างเคร่งครัด ที่ผ่านมาได้ปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้คุ้มครองแรงงานได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านด้วย โดยออกกฎกระทรวงว่าด้วยกำหนดงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตราย ต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์หรือเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบห้าปี พ.ศ. 2560 มีสาระสำคัญคือ ห้ามผู้ใดให้หญิงมีครรภ์ทำงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย เช่น งานเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องยนต์ ที่อาจเกิดอันตรายจากความสั่นสะเทือน ห้ามให้เด็กทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ งานเกี่ยวกับจุลชีวันเป็นพิษ งานเกี่ยวกับแสงจ้า เสียงดัง ความร้อนจัด ความเย็นจัด และห้ามให้หญิงมีครรภ์และเด็กทำงานที่มีลักษณะงานยก แบก หาบ หาม ทูน ลาก หรือเข็นของหนักเกิน 15 กิโลกรัม งานที่ต้องสัมผัสละออง ไอ ก๊าซ ฝุ่น ฟูม เส้นใย เป็นต้น
อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวต่อไปว่า หากพบว่าผู้ว่าจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ กฎกระทรวงดังกล่าวได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและจะประกาศในราชกิจจานุเษกเพื่อบังคับใช้ต่อไป