กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในการแถลงข่าว สถานการณ์ท่องเที่ยวเดือนเมษายน ปี 2560 ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย และรายได้จากการท่องเที่ยวปัจจุบัน โดยมีสาระสำคัญดังนี้
สรุปสถานการณ์ท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เมษายน 2560 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 2,827,560 คน ในจำนวนนี้ เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกมากที่สุด 1,877,624 คน รองลงมา ได้แก่ นักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรป เอเชียใต้ อเมริกา โอเชียเนีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตามลำดับ
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวขยายตัวร้อยละ 6.97 ตามการขยายตัวของนักท่องเที่ยวในทุกภูมิภาค สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากที่สุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย จีน มาเลเซีย รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี ลาว อินเดีย เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ ตามลำดับ นอกจากนี้ การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวดังกล่าวก่อให้เกิดรายได้ 139,922.18 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.64 จากช่วงเวลาเดียวกันของ
ปีที่ผ่านมา สำหรับนักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย จีน รัสเซีย สหราชอาณาจักร มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลี เยอรมนี ญี่ปุ่น และอินเดีย ตามลำดับ
สรุปสถานการณ์ท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มกราคม - เมษายน 2560 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งสิ้น 12,021,617 คน ขยายตัวร้อยละ 2.91 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามการขยายตัวของนักท่องเที่ยว และก่อให้เกิดรายได้รวม 621,646.26 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.71 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สรุปสถานการณ์ท่องเที่ยวชาวไทยเที่ยวไทย มกราคม - มีนาคม 2560 มีชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศรวม 49.58 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 3.22 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยจังหวัด
ที่ชาวไทยไปท่องเที่ยวมากที่สุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นครราชสีมา เชียงใหม่ ชลบุรี และกาญจนบุรี ตามลำดับ การท่องเที่ยวดังกล่าวก่อให้เกิดการใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ คิดเป็นมูลค่ารวม 226,589.50 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.60 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศสูงสุด 5 อันดับแรก คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และชลบุรี ตามลำดับ
รายได้จากการท่องเที่ยวปัจจุบัน นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (เม.ย.) อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก่อให้เกิดประโยชน์ในรูปของรายได้แก่ประเทศและกระจายรายได้ดังกล่าวสู่ภูมิภาคต่าง ๆ รวม 8.4 แสนล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.68 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในจำนวนนี้ เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ 6.2 แสนล้านบาท และการท่องเที่ยวภายในประเทศของชาวไทย 2.2 แสนล้านบาท
ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2560 นายพงศ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้แทนประเทศไทยเพื่อร่วมลงนามความตกลงว่าด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดงาน UNWTO World Forum on Gastronomy Tourism ครั้งที่ 4 ร่วมกับ ดร.ทาลิป ริฟาย เลขาธิการองค์การการท่องเที่ยวโลก ณ เมือง San Sebastian ราชอาณาจักรสเปน เพื่อประกาศความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าวในปี พ.ศ. 2561 ที่กรุงเทพมหานคร การเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าวนี้ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงอาหารของไทยแล้ว ยังมีการเสวนาทางวิชาการอันเป็นภาคทฤษฏี การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร และภาคปฏิบัติในลักษณะของการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ลงพื้นที่แหล่งผลิตอาหารจริง ซึ่งจะเป็นการสัมผัสและวัฒนธรรมความเป็นมาของคนในพื้นที่ และการถ่ายทอดลงสู่เมนูอาหารต่างๆ
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาฯ เสนอที่ประชุมโต๊ะกลม การจัดการเมืองให้รองรับกับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน (Sustainable Urban Tourism) โดยกล่าวว่า คาดว่าในปี 2030 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยถึง 60 ล้านคน ส่งผลกระทบในด้านต่างๆ เช่น ระบบสาธารณูปโภค ระบบการขนส่ง และการรองรับนักท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนจะต้องเข้ามามีบทบาทและร่วมกันป้องกันแก้ไขปัญหา โดยการเพิ่มระบบการอำนวยความสะดวก ด้านคมนาคมขนส่งที่สามารถเชื่อมโยงไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ได้สะดวกมากขึ้น การจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
การประชุมคณะมนตรีบริหารขององค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO Executive Council) ครั้งที่ 105 มีการเลือกตั้งเลขาธิการ UNWTO คนใหม่แทนดร.ทาลิป ริฟาย เลขาธิการ UNWTO คนปัจจุบัน ที่จะหมดวาระลงในเดือนธันวาคม 2560 โดยนาย Zurab Pololikashvili จาก Georgia ได้รับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการ UNWTO คนใหม่ ทั้งนี้จะมีการนำเสนอในที่ประชุม UNWTO General Assembly ครั้งที่ 22 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 11-16 กันยายน 60 ที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีน ทำการให้สัตยาบันต่อไป