กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กฎกระทรวง กำหนดงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์หรือเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบห้าปี พ.ศ.2560 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มีผลใช้บังคับทันที
นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล ได้ลงนามในกฎกระทรวง กำหนดงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์หรือเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบห้าปี พ.ศ.2560 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 ซึ่งเป็นการออกกฎกระทรวงตามความในมาตรา 4 วรรคหนึ่ง และมาตรา 20 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2553 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 134 ตอนที่ 54 ก ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2560 โดยมีผลใช้บังคับเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว สาระสำคัญของกฎกระทรวงดังกล่าวคือ ห้ามผู้ใดให้หญิงมีครรภ์ทำงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย เช่น งานเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องยนต์ ที่อาจเกิดอันตรายจากความสั่นสะเทือน ห้ามให้เด็กทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ งานเกี่ยวกับจุลชีวันเป็นพิษ งานเกี่ยวกับแสงจ้า เสียงดัง ความร้อนจัด ความเย็นจัด และห้ามให้หญิงมีครรภ์และเด็กทำงานที่มีลักษณะงานยก แบก หาบ หาม ทูน ลาก หรือเข็นของหนักเกิน 15 กิโลกรัม งานที่ต้องสัมผัสละออง ไอ ก๊าซ ฝุ่น ฟูม เส้นใย เป็นต้น
อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวต่อไปว่า การออกกฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านให้ได้รับความเป็นธรรมและมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการทำงาน เนื่องจากสภาพการณ์เกี่ยวกับการจ้างงานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในสถานประกอบกิจการ เป็นการจ้างโดยมอบงานให้ผู้รับงานไปผลิตหรือประกอบนอกสถานประกอบกิจการ จึงต้องออกกฎหมายให้ความคุ้มครองแรงงานกลุ่มนี้ด้วย ทั้งนี้ หากพบว่าผู้ว่าจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ