กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งการ ปภ. ประสานหน่วยงานทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง พร้อมจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัดและอำเภอ เป็นศูนย์กลางในการอำนวยการและประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านน้ำทั้งระบบ มุ่งระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ กักเก็บน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลน วางแผนแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากภัยพิบัติด้านน้ำอย่างทั่วถึง รวมถึงจัดเตรียมระบบการสื่อสารให้ใช้การได้ตลอดเวลา ตลอดจนจัดเตรียมชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วและวัสดุอุปกรณ์เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ระยะนี้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัย กระทรวงมหาดไทย จึงได้นำนโยบายการแก้ไขปัญหาของนายกรัฐมนตรีไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ โดยสั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง รวมถึงให้จังหวัดและกรุงเทพมหานครจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัดอำเภอ และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นศูนย์กลางในการอำนวยการและประสานสั่งการ และระดมสรรพกำลังในการประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านน้ำทั้งระบบครอบคลุมใน 3 ด้านหลัก ดังนี้ 1) กรณีมีน้ำท่วมขัง ให้เร่งระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยเปิดทางน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว 2) จัดเตรียมแผนการกักเก็บน้ำ โดยจัดหาพื้นรองรับน้ำ เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลน 3) วางแผนแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ทั้งการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ การซ่อมแซมเส้นทางคมนาคมที่ได้รับความเสียหาย การจัดเตรียมยานพาหนะในการให้บริการขนย้ายสิ่งของและอพยพผู้ประสบภัย การรักษาพยาบาล และดูแลสุขอนามัย การแจกจ่ายถุงยังชีพให้ครอบคลุมทุกครัวเรือนตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัย และชี้แจงให้ประชาชนรับทราบและเข้าใจแนวทางการช่วยเหลือประชาชนครอบคลุมทุกมิติ ตลอดจนจัดเตรียมระบบการสื่อสารทั่งหลัก รอง สำรองให้ใช้การได้ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถประสานการปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที และผู้ประสบภัยไม่ถูกตัดขาดจากข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ นอกจากนี้ ให้จัดเตรียมชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วและวัสดุอุปกรณ์เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญ ให้กำหนดตัวบุคคลและหน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ประสบภัย และกำหนดสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจน ภายใต้ระบบการสั่งการเดียวกันอย่างมีเอกภาพ
พลเอก อนุพงษ์ กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว ได้สั่งกำชับให้ ปภ. ประสานการเตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักรกลร่วมกับส่วนราชการและองค์กรมูลนิธิที่เกี่ยวข้อง รวมถึงดำเนินการสำรวจ จัดทำทะเบียนเครื่องจักรกลของภาคเอกชน กรณีสถานการณ์ภัยรุนแรง จะได้ประสานสั่งการ สั่งใช้ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ให้จังหวัดร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจความเสียหายและเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และให้ผ้ประสบภัยสามารถดำเนินชีวิตได้ในช่วงที่เกิดภัย