กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ หรือ QTC ส่งสัญญาณผลงานเทิร์นอะราวด์ครึ่งหลังปี 60 ล่าสุดส่งมอบงานลูกค้าไปแล้ว 250ล้านบาท และเหลือในมืออีก 400 ล้านบาทส่งมอบได้ในปีนี้ พร้อมแจงแผนลุยประมูลงานภาครัฐ-เอกชนตั้งแต่ไตรมาส 2/60 อีกเพียบ หนุนทั้งปีผลงานเข้าเป้า 1,000 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร "พูลพิพัฒน์ ตันธนสิน" เผยเตรียมขอมติผู้ถือหุ้น 31 พ.ค.นี้ ส่งบริษัทลูก QTCGP เข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในพม่า 220 เมกะวัตต์ และวันที่ 26 พ.ค. กำหนดจ่ายเงินปันผลงวดปี 2559 ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้า เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบของธุรกิจมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง 2560 มั่นใจว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ โดยทั้งปีบริษัทตั้งเป้ารายได้โต 1,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมได้ทยอยส่งมอบสินค้าไปแล้ว 200 ล้านบาท และยังมีออเดอร์ในมือ (backlog)ที่จะทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าในช่วงที่เหลือของปีนี้อีก จำนวน 400 ล้านบาท
ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2560 บริษัทฯ มีแผนการประมูลงานในส่วนของภาครัฐ อาทิ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถคว้างานได้ไม่ต่ำกว่า 300-350 ล้านบาท และมียอดสั่งสินค้าจากลูกค้าต่างประเทศ รวมทั้งงานจากภาคเอกชนทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
"ผลการดำเนินงานของบริษัทเริ่มมีสัญญาณการเติบโตที่ชัดเจนมากขึ้น จากแผนการทำการตลาดต่อเนื่องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ บวกกับการเปิดโครงการใหม่ของภาครัฐ และเอกชนที่มีเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ความต้องการใช้หม้อแปลงไฟฟ้าปรับตัวดีขึ้น" นายพูลพิพัฒน์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) กล่าวเพิ่มว่า ในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ จะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อขอมติให้ บริษัท คิวทีซี โกลบอลเพาเวอร์ จำกัด (QTCGP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น 99.99% เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในเมืองมินบู สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 220 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 170 เมกะวัตต์ โดย QTCGP ในฐานะผู้ซื้อจะเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นของ บริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด (GEP Thailand) เพื่อซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าวจาก Noble Planet Pte. Ltd. และ Planet Energy Holdings Pte. Ltd.
บริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด (GEP Thailand) ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยปัจจุบัน GEP Thailand เป็นผู้ถือหุ้น 99.99% และเป็นผู้ได้รับสัมปทานในรูปแบบ BuildwOperatewTransfer (BOT) ในการพัฒนาและดำเนินโครงการฯ และเป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement หรือ สัญญา PPA) กับ Electric Power Generation Enterprise (EPGE)ระยะเวลารวมทั้งสิ้น 30 ปี นับจากวันที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของระยะที่ 1 กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 170 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็น 4 ระยะและคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสที่ 3/2561
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2560 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2560 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 202.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.30 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 86.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 132.91 % และมีขาดทุนสุทธิ 18.16 ล้านบาท ลดลง 26.78% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 24.81 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้รายได้จากการขายหม้อแปลงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของภาครัฐ และเอกชน ตามการลงทุนของโครงการของภาครัฐ และยอดการส่งออกต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นด้วย อีกทั้งในวันที่ 26 พฤษภาคม 2560 บริษัทฯได้มีการกำหนดจ่ายเงินปันผลงวดปี 2559 ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท