กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ กรมบัญชีกลาง จัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเชื่อมโยงระบบข้อมูลบนเว็บไซต์ เมื่อวันอังคารที่ 23 พฤษภาคม 2560 ณ ห้องประชุม Boardroom 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มุ่งส่งเสริมโอกาสให้ภาคอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและมีความแข็งแกร่งให้เข้าสู่ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
นายศักดิ์ณรงค์ แสงสง่าพงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของโลกในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้การใช้งานและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำธุรกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อนำไปสู่ความได้เปรียบทางการค้า ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นองค์กรเอกชนด้านอุตสาหกรรม มีหน้าที่เป็นศูนย์รวมของภาคอุตสาหกรรมของประเทศ มีภารกิจหลักในการส่งเสริม สนับสนุนด้านอุตสาหกรรมและมุ่งมั่นพัฒนาสถาบันธุรกิจภาคเอกชนของประเทศให้แข็งแกร่ง ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 10,600 ราย ครอบคลุมทั้ง 45 กลุ่มอุตสาหกรรม 12 คลัสเตอร์ ครอบคลุมทุกประเภทอุตสาหกรรม และ 74 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่มีโรงงานเป็นผู้ผลิตสินค้า และมีการค้าขายแบบ Business-to-Business หรือ B2B เป็นหลัก
นายศักดิ์ณรงค์ กล่าวว่า สำหรับการลงนามความร่วมมือว่าด้วยการเชื่อมโยงระบบข้อมูลบนเว็บไซต์ของสภาอุตสาหกรรมฯ และ ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ของกรมบัญชีกลางที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างโอกาสในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมฯ ได้เข้าสู่ระบบการซื้อขายในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมากยิ่งขึ้น สามารถรับทราบข่าวสารความต้องการกลุ่มสินค้าและผลิตภัณฑ์ของภาครัฐ และภาครัฐได้ใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลดังกล่าวในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลผู้ผลิตจากต้นทางได้โดยตรง
"สภาอุตสาหกรรมฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรม จึงได้มีนโยบายในการส่งเสริมให้สมาชิกฯ ดำเนินธุรกิจแบบออนไลน์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการซื้อขายสินค้าให้มีความสะดวกและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งได้มีการจัดทำเว็บไซต์ www.ftiebusiness.com เป็นเว็บไซต์ที่เป็นศูนย์รวมตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ของสมาชิก สภาอุตสาหกรรมฯ โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการได้ทำการเปิดหน้าร้านผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว จำนวนกว่า 4,000ร้านค้า ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และคาดว่าจะสามารถสร้างโอกาสในการซื้อขายในระบบกว่า 2,000 ล้านบาทภายในปี 2560 ซึ่งจะสามารถสร้างโอกาสการซื้อขายในระบบเศรษฐกิจของประเทศได้มากยิ่งขึ้น" นายศักดิ์ณรงค์ กล่าว
ด้าน นายพรชัย หาญยืนยงสกุล รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ภาครัฐได้มีการพัฒนารูปแบบการจัดซื้อจัดจ้างให้มีความทันสมัย มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้และมีมาตรฐานในระดับสากล ซึ่งจะสามารถเพิ่มภาวะการแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม กรมบัญชีกลาง จึงได้มีการนำระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ e-GP ที่เป็นระบบการจัดซื้อจัดจ้างครบวงจร โดยมีข้อกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐนำประกาศจัดซื้อจัดจ้างของตนเองมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ www.gprocurement.go.th โดยปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนในบทบาทของเจ้าหน้าที่พัสดุไปแล้วกว่า 150,000 ราย และมีผู้ค้ากว่า 180,000 ราย โดยมีขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบัน กรมบัญชีกลางมีข้อมูลคุณลักษณะสินค้า หรือ Specifications ในระบบ e-Catalog ไปแล้วกว่า 38 หมู่สินค้า และกว่า 500 สเปคสินค้า
"สำหรับความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในครั้งนี้ ภาครัฐจะได้ประโยชน์จากฐานข้อมูลผู้ค้าที่เป็นสมาชิกสภาอุตสาหกรรมฯ ซึ่งเป็นกลุ่มคู่ค้าที่มีขีดความสามารถและมีศักยภาพสูงให้เข้าสู่ระบบการแข่งขันในงานจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมากยิ่งขึ้น ช่วยยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการของหน่วยงานราชการให้ได้ของดีและมีคุณภาพตามไปด้วย นอกจากนี้ความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว ก็จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ช่วยให้ข้อมูลสินค้าในระบบ e-Catalog ของกรมบัญชีกลางมีมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การเพิ่มจำนวนสินค้าสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธี e-Market ที่มากขึ้นตามไปด้วย นำไปสู่การสูบฉีดเม็ดเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจของประเทศรวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธี e-Market นี้ใช้ระยะเวลาเพียง 8 วัน" นายพรชัย กล่าว