กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตรในทุกภูมิภาค เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมในการดูแลรักษาสถานที่และสารฝนหลวง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 23 พฤษภาคม 2560 เวลา 10.00 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยภายหลังการประชุมปฏิบัติการฝนหลวงประจำวัน ถึงกรณีเหตุระเบิดในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯว่า พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดเวรยามดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการอย่างเข้มงวด และฝึกซ้อมขั้นตอนการเผชิญเหตุระเบิดเป็นระยะ พร้อมกับการบำรุงรักษากล้องวงจรปิดให้ใช้งานได้ตลอดเวลาและติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมพื้นที่ของสำนักงาน บริเวณเส้นทางเข้าออกและพื้นที่สำคัญภายในสำนักงาน หากมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นหรือหากมีวัตถุต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบทันที รวมทั้งแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบเป็นลำดับ ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้กำชับยังหน่วยงานต่างๆทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้ดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสารฝนหลวง ซึ่งมีส่วนหนึ่งสามารถดัดแปลงเป็นสารที่ติดไฟได้ และได้ให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังทั่วพื้นที่แน่นหนามากขึ้นตลอด 24ชั่วโมง นอกจากนี้ในช่วงยามวิกาลยังอาจสังเกตได้จากภาพในกล้องวงจรปิดบริเวณประตูเข้าออกของหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ และประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิด
สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ถึงวันที่ 22พฤษภาคม 2560 มีการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 77 วัน มีวันฝนตก จากการปฏิบัติการฝนหลวงคิดเป็นร้อยละ 97.5 ขึ้นปฏิบัติงานจำนวน 1,688เที่ยวบิน ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 1,395 ตัน พลุซิลเวอร์ไอโอไดด์สำหรับภารกิจปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 433นัด จังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 55 จังหวัด ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างสะสมรวม 514.34 ล้านลูกบาศก์เมตร นายสุรสีห์ กล่าวทิ้งท้าย