กรุงเทพฯ--24 พ.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
รมว.ท่องเที่ยว ลงพื้นที่พัทยาดันไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวทางน้ำ สั่งเข้มเรื่องความปลอดภัย จัดระเบียบชายหาดป้องกันอุบัติภัยทางน้ำ มุ่งพัฒนาท่าเรือสำราญเร่งเครื่องสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษฝั่งตะวันออก EEC
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พัทยาสำรวจเมืองพัทยาเพื่อสานต่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางน้ำ (Maritime Tourism Hub) โดยเป็นการตรวจความปลอดภัยบริเวณชายหาดพัทยาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวให้แข็งแกร่งในพื้นที่ทะเลตะวันออก ภาพรวมพบว่าการจัดระเบียบชายหาดพัทยาทั้ง ร่ม-เตียงผ้าใบ มีความสะอาด มีโซนนิ่งทุ่นในทะเล และการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ทั้งกลุ่มเดินถนน นั่งดื่ม ทานอาหาร ผับ บาร์ และหน่วยกู้ชีพ (Life Guard) ในน้ำที่มีความเข้มแข็งดีทุกฝ่าย โดยได้สำรวจบรรยากาศนักท่องเที่ยวจีน ที่ท่าเทียบเรือแหลมบาลิฮาย พัทยาใต้ ที่ รร.รอยัลคลิฟท์ ที่ขณะนี้มีคณะนักท่องเที่ยวจีนจากบริษัท INFINITUS จำนวนประมาณ 2,000 คน มาสัมมนาท่องเที่ยวที่พัทยา ซึ่งเป็นปีที่มาเที่ยวอย่างต่อเนื่องปีที่ 15
นางกอบกาญจน์ กล่าว่า จากการตรวจพื้นที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย จุดขึ้น-ลงเรือของนักท่องเที่ยวไปเกาะล้าน มีวันละประมาณ 9,000-10,000 คน ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวใช้บริการท่าเรือช่วง 06.00-07.00 เพื่อออกไปท่องเที่ยวดำน้ำตามเกาะต่างๆ และกลับเข้าฝั่งช่วง 17.00-18.00 น. เป็นจำนวนมากในแต่ละวันมีประมาณ 9,000 คน โดยช่วงเย็นนักท่องเที่ยวจะไปรับประทานอาหารบนเรือภัตตาคารลอยน้ำ ซึ่งจุคนลำละ 200-300 คน มี 5 ลำ ล่องเรือ ชมทะเลรอบละ 1.5-2 ชั่วโมง หมุนเวียน หลายรอบ จนถึง เวลา 23.00 น. นอกจากนี้ยังดูการเตรียมความพร้อมการปรับภูมิทัศน์เพื่อรองรับการสวนสนามทางทะเลและ Air Race 1 ที่จะจัดในเดือนพฤศจิกายน 2560 นี้
โดยปัจจุบันมีเฟอร์รี่ พัทยา-หัวหิน 2 ลำ ได้รับความนิยม และกำลังจะเพิ่มอีก 2 ลำ ทั้งนี้พบว่าการจัดแบ่งเขตและวางทุ่นตามชายหาดทำให้การบริการด้านเจ็ตสกีมีคุณภาพสูงขึ้นเพราะมีการประกันและควบคุมปริมาณทำให้ไม่เกิดการตัดราคายกระดับคุณภาพ ได้มาตรฐานยิ่งขึ้นนักท่องเที่ยว พึงพอใจและไม่เกิดอุบัติเหตุหรือเรื่องร้องเรียน ส่วนทีมผู้รักษาความปลอดภัยตามชายหาดมีอาสาสมัครทั้งฝั่งเกาะล้านและบริเวณชายหาดพัทยา พร้อมร่วมแข่งขัน Life Guard นานาชาติในช่วงปลายปี เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการเตรียมความพร้อมอย่างสม่ำเสมอ
" ทีมผู้บริหารเมืองพัทยา ได้มีการหารือกับบริษัททัวร์ให้จัดโปรแกรมการท่องเที่ยว โดยไม่ควรลงน้ำดำน้ำตั้งแต่วันแรกที่มาถึงควรให้พักผ่อนหรือท่องเที่ยวอย่างเบาเบาก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุและการเสียชีวิตจากการว่ายน้ำ ส่วนด้านการขนส่งและเดินทางทางน้ำได้มีการปรับปรุงท่าเรือบริเวณแหลมบาลีฮายโดยขยายเพิ่มท่าเรือย่อยไปอีก 2-3 ท่า เพื่อรองรับการขึ้นลงของเรือสปีดโบ๊ท เนื่องจากไม่อนุญาตให้ไปขึ้นลงเรือสปีดโบ๊ทริมชายหาดเหมือนในอดีต ทั้งนี้ ยังถือโอกาสเป็นการตรวจความพร้อมในการรองรับการจัดงาน สวนสนามทางเรือและการแข่งขันความเร็วเครื่องบิน Air Race 1 ที่จะใช้ท่าเรือแหลมบาลีฮายเป็นบริเวณจุดรับส่งนักท่องเที่ยวที่มีความพร้อมด้วย" นางกอบกาญจน์กล่าว
นางกอบกาญจน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าการจัดระเบียบบริเวณพื้นที่ในโซนซ้ายมือของแหลมบาลีฮายซึ่งเคยเป็นที่จอดรถบัสจะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นจุดจอดรับส่งและปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสวนสาธารณะที่สวยงามในขณะที่เทศบาลเมืองพัทยาได้รมอบหมายให้กรมโยธาธิการทำแผนการศึกษาเพื่อพัฒนาให้ท่าเรือแหลมบาลีฮายพัฒนาเป็นท่าเรือรองรับการท่องเที่ยวทางเรือสำราญภายในระยะเวลาใกล้นี้ โดยการตรวจงานลงพื้นเพื่อเป็นการขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่จะพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษฝั่งตะวันออก (EEC) ให้เป็นแหล่งรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปอีกด้วย