กรุงเทพฯ--29 พ.ค.--ธนาคารกรุงเทพ
ช.การช่าง ประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน 4 ชุด มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท โดยมี 3 ธนาคารใหญ่ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงไทย ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายต่อกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ในระดับ "A-"
นายประเสริฐ ดีจงกิจ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President ผู้จัดการฝ่ายทุนธนกิจ สายวานิชธนกิจ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันของบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2560 เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมจัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เนื่องจากมีผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ให้ความสนใจและจองซื้อหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดความสนใจลงทุนเกินกว่า 3 เท่าของจำนวนหุ้นกู้ที่บริษัทฯ ต้องการจัดออกในเบื้องต้นที่มูลค่า 4,000 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจเพิ่มการจัดออกหุ้นกู้เป็น 6,000 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุน
หุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.97% ต่อปี มูลค่า 2,250 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80% ต่อปี มูลค่า 1,600 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.19% ต่อปี มูลค่า 1,150 ล้านบาท และหุ้นกู้อายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.32% ต่อปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ "A-" จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2560 และได้เปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 24-25 พฤษภาคม 2560 โดยธนาคารทั้ง 3 แห่งได้จัดออกหุ้นกู้ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2560
นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการและผู้บริหารอาวุโส บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางบริษัทฯ ขอขอบพระคุณผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ทุกท่านที่ให้ความสนใจในการลงทุนหุ้นกู้ของบริษัทฯ ความสำเร็จในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและผลการดำเนินงานของบริษัทที่แข็งแกร่ง โดยผลประกอบการของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2559 มีรายได้รวม 47,019 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,042 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์และหนี้สินรวม 94,928 ล้านบาท และ 73,074 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังสะท้อนภาพความเป็น 1 ในผู้นำในธุรกิจก่อสร้าง รวมถึงการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคของประเทศไทย จากความสามารถในการรับงานก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่และโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ