กรุงเทพฯ--29 พ.ค.--กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เผยผลการตรวจคุ้มครองแรงงานตามมาตรการเร่งด่วน 3-3-2 ระยะที่ 1 พบสถานประกอบกิจการปฏิบัติไม่ถูกต้องเพิ่มขึ้น เตรียมตรวจเข้มต่อเนื่องระยะ 2 และ 3
นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยผลการตรวจคุ้มครองแรงงานตามมาตรการเร่งด่วน 3-3-2 ระยะที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 15 พฤษภาคม 2560 ว่า การตรวจสถานประกอบกิจการขนส่งสาธารณะ ผ่านการตรวจ 605 แห่ง ลูกจ้างได้รับความคุ้มครอง 17,378 คน พบการปฏิบัติไม่ถูกต้อง 74 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 12.23 ได้กำกับติดตามให้ปฏิบัติให้ถูกต้องแล้ว 63 แห่ง ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามผลการปฏิบัติตามคำสั่ง พบว่าเรื่องที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องมากที่สุด คือ การจ่ายค่าจ้าง ตรวจสถานประกอบกิจการที่มีการใช้แรงงานเด็ก 843 แห่ง พบปฏิบัติไม่ถูกต้อง 161 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 19.1 ซึ่งได้กำกับให้ปฏิบัติถูกต้องแล้ว 111 แห่ง โดยเรื่อง การแจ้งการจ้างเด็กเป็นเรื่องที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องมากที่สุด สำหรับการตรวจสถานประกอบกิจการเรือประมงทะเล ได้ดำเนินการตรวจไปรวม 266 ลำ พบการปฏิบัติไม่ถูกต้องเพียง 11 ลำ ร้อยละ 4.14 ประเด็นข้อกฎหมายที่สถานประกอบกิจการปฏิบัติไม่ถูกต้องคือไม่มีสัญญาจ้าง แต่ไม่พบการใช้แรงงานบังคับและการค้ามนุษย์
อธิบดีกสร. กล่าวต่อไปว่า จากผลการตรวจข้างต้น เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกัน (1 ก.พ. – 15 พ.ค. 59) สถานประกอบกิจการขนส่งสาธารณะกระทำผิดลดลง ร้อยละ 49.71 แต่พบการกระทำผิดเพิ่มขึ้นในสถานประกอบกิจการที่มีการใช้แรงงานเด็ก ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 113.64 ทั้งนี้ เนื่องจากมีการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อตรวจบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ อาทิ ตรวจสถานบริการ ร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น ทำให้พบการกระทำความผิดเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่การตรวจการใช้แรงงานบังคับและการค้ามนุษย์ในกิจการประมงทะเลเป็นกิจการที่อยู่ในความสนใจของสหภาพยุโรปจึงมีการระดมตรวจมากขึ้นทำให้พบการกระทำผิดเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นแผนการตรวจในระยะที่ 2 และ 3 ต่อจากนี้ กสร. จะตรวจคุ้มครองแรงงานอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ สถานประกอบกิจการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย และแรงงานได้รับการคุ้มครองอย่างทั่วถึง