กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--ท่าเรือราชาเฟอร์รี่
บมจ.ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ ยืนยันเดินเรือในร่องน้ำสาธารณะ ส่วนกรณีเรือเกยตื้นเกิดจากน้ำลดจนชนแนวปะการัง เป็นเหตุสุดวิสัย ได้ประสานไปยังกรมเจ้าท่าแล้วเพื่อให้ตรวจสอบพิกัดจุดเหตุให้ชัดเจน เพราะข้อมูลยังไม่ตรงกัน พร้อมรับผิดชอบเต็มที่หากเกิดความเสียหายกับปะการังและสิ่งแวดล้อม
จากที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า กรณีเรือของบริษัทติดเกยตื้นบริเวณใกล้ท่าเทียบเรือท้องศาลา เกาะ พะงัน เมื่อต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อแนวปะการังบริเวณดังกล่าว เป็นวงกว้าง นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทท่าเรือราชาเฟอร์รี่จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าได้ส่งหนังสือด่วนไปยังกรมเจ้าท่าที่กำกับดูแลกิจการเดินเรือ ขอให้มาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องพิกัดจุดที่เรือเกยตื้นเพื่อความชัดเจน เพราะ ข้อมูลพิกัดที่ปรากฏในข่าวไม่ตรงกับที่บริษัทฯบันทึกไว้ในวันเกิดเหตุ
"ผมส่งจดหมายไปยังท่านรองอธิบดีกรมเจ้าท่า เพื่อขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพื้นที่อีกครั้งแล้ว เพราะพิกัดที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อก่อนหน้านี้ไม่ตรงกับข้อมูลที่บริษัทได้บันทึกไว้เป็นคนละจุดกัน ผมไม่ได้นิ่งนอนใจและเป็นห่วง ต่อเหตุที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน มันเป็นเรื่องสุดวิสัยและไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น หากข้อเท็จจริงพบว่าเรือของ RP ชนแนวปะการังที่สมบูรณ์หรือมีชีวิตจนได้รับความเสียหาย เราก็พร้อมจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่เลยครับ ตอนนี้รอคำตอบ รับวันนัดหมายอยู่ครับ วันที่เกิดเหตุนั้นเรือเดินในแนวร่องน้ำสาธารณะซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ กำหนดโดยกรมเจ้าท่า และเป็นเส้นทางที่สัญจรปกติอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลาน้ำลดลงมาก ขณะกลับลำเรือที่ออกจากท่า เพื่อหันหัว เรือเข้าไปในแนวร่องน้ำ กระแสน้ำที่พัด แรงทำให้ท้ายเรือไปติดสันดอนทราย หัวเรือจึงหันออกไปชนแนวปะการัง ใกล้เคียง แต่รายงานเบื้องต้นที่ผมได้รับระบุว่าเป็นกองหินโสโครกและไม่ได้กินบริเวณเป็นวงกว้างดังที่ปรากฎในข่าว อย่างไรก็ตาม เรายินดีให้ความร่วมมือทั้งกรมเจ้าท่าและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตรวจสอบเรื่องนี้เต็มที่ ผมให้ทีมผู้บริหารที่ภาคใต้ประสานหน่วยงาน ทั้งสองแห่งไปแล้วเพื่อนัดหารือกันเพิ่มเติมเรื่องการดูแลและเยียวยา ในกรณีนี้ต่อไป บริษัทยินดีจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่เพราะ ความยั่งยืนของเกาะสมุยและพะงันก็คือความยั่งยืนของ บริษัทเช่นเดียวกัน"
กรรมการผู้จัดการ RP กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสภาพนิเวศน์ทางทะเลเป็นอย่างมาก โดยเพิ่มความเข้มงวดและวางมาตรการเดินเรือที่รัดกุมเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและระมัดระวังไม่ให้เกิดผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลขึ้นอีกในอนาคต