กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--แพนดิจิตัล ซิสเต็ม
องค์การสัมพันธภาพระหว่างประเทศ (International Cooperative Alliance : ICA - AP) เป็นองค์กรอิสระ ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมกิจการสหกรณ์ในทุกประเทศ ตลอดจนส่งเสริมความสัมพันธ์และให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจระหว่างองค์กรสหกรณ์ทุกประเภททั่วโลก ในการนำมาซึ่งสันติภาพและความมั่นคงแก่ขบวนการสหกรณ์ ซึ่งตั้งอยู่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
โดยองค์การ ICA ได้จัดประชุมระดับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบงานสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการจัดประชุมระดับสูงของภาครัฐและขบวนการสหกรณ์ในประเทศต่างๆ ของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้แทนระดับสูง และกำหนดกรอบแนวทางและกลยุทธ์ความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐและสหกรณ์ในการพัฒนาสหกรณ์ ให้เป็นองค์กรที่มีความเข้มแข็ง และสามารถปรับบทบาทได้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบันที่เกิดขึ้น
สำหรับปีนี้ เป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบงานสหกรณ์ ครั้งที่ 10 ซึ่งทางกระทรวงแผงงานและการลงทุน สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ร่วมกับองค์กรสัมพันธภาพสหกรณ์เวียดนาม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 เมษายน 2560 ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีหัวข้อประชุมว่า "วิสัยทัศน์ในทศวรรษที่ 30 การเสริมสร้างการเป็นหุ้นส่วนอย่างแข็งแกร่ง ระหว่างภาครัฐและขบวนการสหกรณ์ต่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs)" นำโดย H.E. Madam Dang Thi Ngoc Thinh รองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กล่าวเปิดการประชุมมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 500 คน จาก 22 ประเทศ ประกอบด้วยรัฐมนตรีที่รับผิดชอบงานสหกรณ์ จำนวน 10 ประเทศ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์ระดับชาติของประเทศสมาชิกองค์การ ICA สำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิกฟิก จำนวน 12 ประเทศ
ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย เข้าร่วมในการประชุมดังกล่าว พร้อมทั้งได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยและขบวนการสหกรณ์ไทย สรุปใจความสำคัญได้ว่า ระบบสหกรณ์เป็นเครื่องมือสำคัญช่วยแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมได้เป็นอย่างดี รัฐบาลไทยผลักดันให้นำหลักการพึ่งพาตนเองและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของสหกรณ์มาใช้ ควบคู่กับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้ในการพัฒนาสหกรณ์ในประเทศ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ยังช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาด้านการเกษตรที่ยั่งยืนในทุกๆ ด้าน ซึ่งการพัฒนาประเทศโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น การเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ใช้เป้าหมายหลัก หากแต่เป็นการสร้างสมดุลและความมั่นคงด้านการพัฒนาเพื่อให้เกิดความยั่งยืน เพราะการเติบโตที่ปราศจากรากฐานที่มั่นคง อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง ทั้งระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ
นอกจากนี้ นโยบายด้านเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ความสำคัญของการเพิ่มบทบาทต่อสหกรณ์การเกษตร ในการสร้างช่องทางการตลาดของสินค้าเกษตรที่มีประสิทธิภาพ และเป็นหนทางนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในยุคปัจจุบันระบบการตลาดแบบเสรี (Market Liberalization) ส่งผลให้เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรง เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ สหกรณ์จึงต้องมีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ เพื่อให้พร้อมทำธุรกิจร่วมกับภาคเอกชนและให้บริการแก่สมาชิกได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้ให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับขบวนการสหกรณ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์และการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เพื่อการพัฒนาสหกรณ์อย่างยั่งยืนในอนาคต
ผลจากการประชุมครั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มองเห็นถึงทิศทางที่จะพัฒนาระบบสหกรณ์ในประเทศไทย โดยการให้ความสำคัญกับความเป็นหุ้นส่วนภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership) และช่วยสหกรณ์ในเรื่องการตลาด (Marketing Channel) รวมถึงการส่งเสริมการค้าขายแบบ (E-Commerce) เพื่อขยายธุรกิจได้อย่างหลากหลายมากขึ้นและเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว กรมจึงได้จัดทำแผนการปฏิบัติการเพื่อติดตามผลอย่างเป็นรูปธรรม ภายในเดือนสิงหาคม 2560 ด้วยรูปแบบ coopfor2030.cooop
นอกจากนี้ กรมฯจะร่วมกับสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย รณรงค์ในเรื่องเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้สหกรณ์ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เกิดการเข้าใจร่วมกัน อีกทั้งจะมีการให้คำมั่นสัญญาเพื่อให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนไปให้ถึงเป้าหมายและรายงานความก้าวหน้าผ่านเว็บไซต์ www.CoopsFor2030.coop และจะมีการสร้างความร่วมมือกับ We Effect ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือสหกรณ์ทั่วโลกในเรื่องเงินทุนและการให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการสหกรณ์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวีเดน เพื่อขอรับการสนับสนุนในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสหกรณ์ในประเทศไทยต่อไป