กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนเมษายน 2560 หดตัวลดลงร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2560 MPI หดตัวเล็กน้อยร้อยละ 0.1 อย่างไรก็ตาม การส่งออกขยายตัวที่ร้อยละ 7.5 รวมทั้งการนำเข้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำแท่ง) ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13.1 ส่งสัญญาณการเตรียมการผลิตในไตรมาสหน้า แสดงให้เห็นภาพเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นาย ศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนเมษายน พ.ศ. 2560 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยอุตสาหกรรมในภาพรวมยังคงขยายตัวโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวในระดับ 2 digit ร้อยละ 10.33 อย่างไรก็ตามในอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงหดตัวต่อเนื่อง เป็นผลจากการส่งออกไปยังประเทศในตะวันออกกลางยังคงหดตัว ประกอบกับในเดือนเมษายนปีนี้ มีวันหยุดต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานกว่าปีก่อน ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง โดยภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2560 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.1 ซึ่งการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำแท่ง) ขยายตัวที่ร้อยละ 7.5 (ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6) การนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวที่ร้อยละ 10.4 รวมถึงการนำเข้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำแท่ง) ขยายตัวที่ร้อยละ 13.1 แสดงให้เห็นถึงการความแข็งแกร่งในสินค้ากลุ่มส่งออกที่ส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวก ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แป้งมัน คอนกรีต ซีเมนต์และปูนปลาสเตอร์ อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ และเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน
อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) มีการขยายตัว ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.33 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากความต้องการในสินค้า other IC, monolitic IC และ transistor ในตลาดโลกเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งปัจจัยหนุนของแนวโน้มเทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกส์ และ Internet of Things (การสั่งงานอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต) ซึ่งทำให้มีการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น
แป้งมัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.51 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากลูกค้าจากประเทศจีนได้มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น อีกทั้งราคาหัวมันสดต่ำลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่กิโลกรัมละ 1.50-1.80 บาท (ปี 2559 ราคากิโลกรัมละ 2.35-2.80 บาท) โรงงานจึงทำการผลิตแป้งมันเพื่อสต็อกสินค้าไว้จากต้นทุนที่ต่ำลง
คอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.16 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยเป็นผลจากการเร่งรัดลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ เช่น การขยายถนน โครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน รถไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนการใช้สำหรับงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยขยายตัวได้เฉพาะตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก
อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.03 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากในเดือนเมษายนมีคำสั่งซื้อเตรียมใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้การส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.97 ส่วนตลาด ในประเทศเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.03
อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ได้แก่ รถยนต์ ปรับตัวลดลงร้อยละ 12.08 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยเป็นผลจากตลาดส่งออกตะวันออกกลางและแอฟริกาที่หดตัวลง อย่างไรก็ตามพบว่าการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้ร้อยละ2.70 เนื่องจากผู้ประกอบการมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ตั้งแต่ต้นปี การกระตุ้นตลาดหลักจากผู้ประกอบการหลังจากคาดการณ์กำลังซื้อรถมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการที่ผู้ใช้สิทธิในโครงการรถคันแรกที่หมดระยะโครงการแล้ว ทำให้ภาระหนี้ที่กู้มาซื้อรถหมดลง จึงเหลือเงินมากขึ้นในการจับจ่ายใช้สอยและการซื้อรถใหม่ทดแทน เครื่องประดับ ปรับตัวลดลงร้อยละ 22.67 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากมีการปรับการวางแผนการผลิตและจำหน่ายให้เหมาะสมกับช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์
โลหะประดิษฐ์อื่น ๆ ปรับตัวลดลงร้อยละ 17.87 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากการผลิตสินค้าที่แตกต่างจากปีก่อนเปลี่ยนจากกระป๋องกาแฟเป็นกระป๋องเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่า ทำให้ปริมาณสินค้าที่ผลิตและจำหน่ายได้ลดปริมาณลง
น้ำดื่ม ปรับตัวลดลงร้อยละ 7.48 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากจากกระแสเรื่องการดูแลสุขภาพกำลังมาแรง ในขณะที่น้ำดื่มบริสุทธิ์ เป็นผลมาจากได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากในช่วงวิกฤตภัยแล้งปีก่อน (เดือนมีนาคม-เมษายน) ส่งผลให้ทางโรงงานต้องเร่งผลิตสินค้า