กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก เผยหุ้นไทยตอบรับข่าวเชิงบวกจากแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ล่าสุดญี่ปุ่นให้ความสนใจลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-ระยอง เชื่อมต่อ 3 สนามบินไปจนถึงอยุธยา แนะจับตาผลการประชุม ECB 8 มิ.ย. และการประชุมเฟดช่วงกลางเดือนมิ.ย. หนุนดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,555 - 1,585 จุด แนะลงทุนหุ้นเข้าคำนวณ SET100-SET 50 ส่วนราคาทองคำยังคงผันผวน แนะกลยุทธ์ขึ้นมาขาย โดยให้ระดับแนวต้านที่ 1,300 ดอลลาร์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยตอบรับข่าวเชิงบวก จากกรณีที่ญี่ปุ่นให้ความสนใจลงทุนขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) กรุงเทพฯ-ระยอง เชื่อมต่อ 3 สนามบิน (อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง) และเชื่อมต่อพื้นที่ในแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) และขอขยายเส้นทางมาถึงอยุธยาเนื่องจากเป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรมที่บริษัทญี่ปุ่นลงทุนจำนวนมาก
ทั้งนี้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยล่าสุดสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 138,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนเม.ย. อีกทั้งเวิลด์แบงก์เองยังคงคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลกปี 2560 ที่ 2.7% และปี 2561 ที่ 2.9% โดยระบุว่าการค้าและภาคการผลิตทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามมี ตลาดหุ้นมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันปรับตัวลงจากข่าวสหรัฐถอนตัวออกจาก "ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ" รวมถึงการที่บาห์เรน ซาอุฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ เยเมน ลิเบีย และมัลดีฟส์ รวม 7 ประเทศประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ โดยอ้างเหตุผลว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งอาจกระทบต่อความพยายามการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก ประกอบกับ Fund Flow ต่างชาติผันผวนจากความกังวลว่า FED มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13-14 มิ.ย. จะกดดันภาวะตลาดหุ้นในระยะสั้นได้
ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อไป คือการเลือกตั้งในอังกฤษในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0% และคงการใช้ QE 60,000 ล้านยูโร/เดือน ขณะที่เฟดจะมีการประชุมในวันที่ 13 – 14 มิ.ย. โดยมีโพลล์สำรวจว่า FED ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25%
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งตัว เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อเพื่อรอผลการประชุมนโยบายการเงิน FED วันที่ 13 – 14 มิ.ย. นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงจะเป็นแรงกดดันกลุ่มพลังงาน
ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,555 - 1,585 จุด โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเป็น Selective Buy ในหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณรอบใหม่ของ SET50 อาทิ EA, MTLS, BJC, BPP, TISCO และ SET100 เช่น BCPG, WORK ANAN และGFPT
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำ ยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง จากปัจจัยกดดันจากการเลือกตั้งอังกฤษในเร็วๆนี้ เพราะคะแนนนิยมของพรรครัฐบาลดิ่งลงสวนทางกับพรรคคู่แข่งหลังเหตุการณ์วินาศกรรมหลายครั้งในอังกฤษและยุโรป
นอกจากนี้การตัดสัมพันธ์ระหว่างชาติอาหรับกับกาตาร์ อาจมีผลถึงการคว่ำบาตรในกลุ่ม OPEC ตามมาด้วย ซึ่งหากในอนาคตเป็นเช่นนั้นจริง ปริมาณการส่งออกน้ำมันอาจปรับลดลงและเป็นผลบวกต่อราคาน้ำมันดิบในอนาคต อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทั้งสองล้วนสร้างความผันผวนระยะสั้นต่อตลาด ทำให้เงินทุนบางส่วนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง แล้วเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น โดยมีความกังวลเรื่องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะถูกถอดออกจากตำแหน่ง เป็นปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมที่กดให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง และมีความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนนี้มีสูงมาก
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในทองคำจึงควรระวังการกลับทิศทางของค่าเงินดอลลาร์และราคาทองคำในระยะถัดไป หากราคาทองคำมีการปรับตัวใกล้ระดับแนวต้านเป้าหมายที่ 1,300 ดอลลาร์ นักลงทุนจึงควรทยอยลดสัดส่วนการถือครองทองคำในพอร์ต และปิดทำกำไรสถานะ long