กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมการเพาะเลี้ยงปลาช่อนในพื้นที่ปลูกข้าว พร้อมสนับสนุนโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามนโยบายประชารัฐ เพิ่มความเข้มแข็งและขีดความสามารถในการแข่งขันให้เกษตรกรไทย ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. และกรมประมง กับ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ณ ห้องประชุมอานนท์ กรมประมง ว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว เป็นการร่วมกันจัดทำโครงการขยายผล "การส่งเสริมการเพาะเลี้ยงปลาช่อนในพื้นที่ปลูกข้าว" โดยในปี 2560 จะมุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวเปลี่ยนมาเลี้ยงปลาช่อนให้ได้ 200 บ่อ/ราย ซึ่งมีจังหวัดนำร่อง 5 จังหวัด คือ ขอนแก่น นครราชสีมา หนองคาย กำแพงเพชร และอ่างทอง ภายใต้งบประมาณกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งการส่งเสริมผลักดันการเพาะเลี้ยงปลาช่อนถือเป็นอาชีพทางเลือกใหม่ ลดความเสี่ยง และเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกร ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการลดพื้นที่ปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม โดยส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนกิจกรรมทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด และสนับสนุนโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ 70,000 แห่ง นโยบายการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวเป็นอาชีพเกษตรกรรมอื่น (Zoning) และยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ "ประชารัฐ" ของรัฐบาล
นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงปลาช่อนอย่างแพร่หลายในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือของไทย ซึ่งที่ผ่านมา เกษตรกรบางส่วนยังใช้ลูกพันธุ์ที่จับจากธรรมชาติ ทำให้มีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรที่สนใจเลี้ยงปลาชนิดนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรมประมงจึงได้ขอสนับสนุนงบประมาณจาก สวก. เพื่อศึกษาวิจัยการเพาะพันธุ์และอนุบาลลูกปลาช่อนแบบครบวงจรให้ได้ปริมาณมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนลูกพันธุ์ให้แก่เกษตรกร ซึ่งในการวิจัยได้มีการศึกษาวิธีการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ การเพาะพันธุ์ การอนุบาลลูกปลา จนประสบความสำเร็จ ทำให้สามารถพัฒนารูปแบบการเลี้ยงปลาช่อนให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้นทั้งในบ่อดินและบ่อซีเมนต์ พัฒนาการเพาะพันธุ์ปลาช่อนโดยใช้โฮโมนสังเคราะห์ ทำให้สามารถผลิตลูกปลาช่อนให้มีมาตรฐาน โดยมีอัตรารอดตายเฉลี่ย 30 - 40 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารของลูกปลาช่อนจากการกินอาหารมีชีวิตเป็นอาหารเม็ดได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาคู่มือเทคโนโลยีการเพาะพันธุ์ปลาช่อนและรูปแบบโรงเพาะพันธุ์มาตรฐาน พร้อมถ่ายทอดให้เกษตรกรที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการนำความรู้ไปขยายผลทางธุรกิจได้
ด้าน นางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในภารกิจในการสนองตอบนโยบายภาครัฐและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะร่วมกันส่งเสริมการนำผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชนเชิงสาธารณะอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่พี่น้องเกษตรเกษตรกร และช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ช่วยสร้างผู้นำเกษตรกรที่จะเป็นต้นแบบในการประกอบชีพให้แก่เกษตรรายอื่น ซึ่งเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จะมีรายได้สุทธิที่เป็นตัวเงินจากการเลี้ยงปลาช่อนในบ่อดิน เพื่อจำหน่าย บ่อละ 80,000 บาท ในระยะเวลา 3 – 4 เดือน คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 16,000,000 บาท และจากการประเมินผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์พบว่า หากมีการส่งเสริมผลักดันอย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลา 10 ปี จะมีมูลค่าถึง 5,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อโครงการเสร็จสิ้นจะได้นำเทคโนโลยีไปถ่ายทอดและขยายผลให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าว รวมทั้งพื้นที่ที่มีความพร้อมและเหมาะสมต่อไป