กรุงเทพฯ--7 มิ.ย.--ไอแอมพีอาร์
สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ชุมชนบ้านนาใน ตำบลคลองท่อมใต้ และ ชุมชนบ้านนิคมหน้าเขา" ตำบลคลองท่อมเหนือ อำเภอคล่องท่อม จังหวัดกระบี่ จัดทำ "โครงการการจัดการจุดเสี่ยงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในชุมชน" เพื่อกำหนดจุดเสี่ยงและเฝ้าระวังป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวและผู้ใช้เส้นทาง
นายสมยศ แย้มโอษฐ์ ผู้รับผิดชอบโครงการในพื้นที่บ้านนาใน กล่าวว่าในชุมชนมีจุดเสี่ยงอยู่ 3 จุด ซึ่งเป็นทางโค้งขึ้นลงเนินและสภาพถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ จากสถิติข้อมูลอุบัติเหตุของบ้านนาในปี 2558 พบว่ามีอุบัติเหตุจากการเดินทางบนเส้นทางนี้จำนวน 26 ราย เสียชีวิต 1 ราย พิการ 1 ราย และส่วนใหญ่เกิดจากการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งครึ่งหนึ่งของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นนักท่องเที่ยว แต่สำหรับนักท่องเที่ยวได้มีการวิเคราะห์กันว่าเกิดจากป้ายบอกทางที่ไม่ชัดเจน และการใช้ GPS ในการนำทาง ซึ่งมักจะพาไปยังเส้นทางที่ลัดแต่ลำบากเป็นหลุมบ่อและอันตราย
"ทางหลวงชนบทหมายเลข 4021 ที่ตัดผ่านทั้ง 2 ชุมชนเป็นเส้นทางสู่ "สระมรกต" และ "น้ำตกร้อน" UNSEEN THAILAND ของจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินเขามีทางโค้งลาดชันอันอาจเกิดอันตรายกับผู้ใช้เส้นทางได้โดยง่าย คณะทำงานจึงได้ใช้ google map กำหนดจุดเสี่ยงต่างๆ ในพื้นที่ ตัดต้นไม้ปรับปรุงแก้ไขสภาพภูมิทัศน์สองข้างทางที่บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ จัดตั้งอาสาสมัครเฝ้าระวังตามจุดเสี่ยงต่างๆ ในช่วงเทศการ ทำป้ายบอกทางหรือแจ้งพื้นที่เสี่ยง จัดเวรยามเฝ้าระวังอุบัติเหตุตามจุดเสี่ยงในช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ และในเทศกาลสงกรานต์ปี 2560 ที่ผ่านมา จนแทบจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนถนนและจุดเสี่ยงของทั้ง 2 ชุมชนเกิดขึ้นเลย และในอนาคตกำลังจะขยายผลการจัดทำป้ายเตือนในจุดต่างๆ เป็นภาษาทั้งอังกฤษและจีนต่อไป" นายสมยศอธิบาย
ทางด้าน นายชูศักดิ์ ราตรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 บ้านนิคมหน้าเขา กล่าวว่าหลังจากเริ่มทำโครงการนี้ทำให้ชาวบ้านตื่นตัวกันมากขึ้น โดยตนเองจะใช้เวลาก่อนละหมาดใหญ่วันศุกร์ออกประกาศเสียงตามสาย แจ้งข่าวและเชิญชวนให้ชาวบ้านเห็นความสำคัญของการร่วมกันดูแลเฝ้าระวังป้องกันอุบัติเหตุให้กับสมาชิกในชุมชนและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
"เมื่อชาวบ้านมีความรู้ความเข้าใจก็เกิดความตระหนัก ว่าทุกคนต้องช่วยกัน โดยเฉพาะลูกหลานต้องคอยเตือนคอยบอก เพราะเด็กรุ่นใหม่เองก็ชอบขับขี่รถจักรยานยนต์เร็วๆ ตามนิสัยของวัยรุ่น เมื่อก่อนทั้ง 2 หมู่บ้านต่างคนก็ต่างๆ ทำ แต่ตอนนี้หันมาจับมือทำงานร่วมกันทำให้ปัญหาอุบัติเหตุรุนแรงแบบที่ต้องส่งโรงพยาบาลในช่วงเทศกาลต่างๆ แทบจะไม่เกิดขึ้นเลยทั้งกับนักท่องเที่ยวและคนในชุมชน" ผู้ใหญ่บ้านฯ กล่าวสรุป