กรุงเทพฯ--22 มิ.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
ที. เอ็น. อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์" เผยโครงสร้างใหม่บริษัทคนไทย 100% เสริมทัพโซลูชั่น-เตรียมทีมงานพร้อมก้าวสู่ผู้นำตลาดเอสไอสมบูรณ์แบบ
(รร. ฮิลตัน - 21 มิถุนายน 2543) - "ที.เอ็น. อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์" ในเครือไทยสงวนวานิช เผยความพร้อมบุกตลาดคอมพิวเตอร์ในเมืองไทย หลังปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ด้วยการซื้อหุ้นคืนจาก ซีเมนส์ นิกซ์ดอร์ฟ ก้าวสู่บริษัทที่คนไทยถือหุ้น 100% ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น รวมทั้งเปิดกว้างผนึกพันธมิตรระดับโลกทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และที่ปรึกษาชั้นนำเพื่อครองตลาดซิสเต็มส์ อินทิเกรเตอร์ในเมืองไทยอย่างเต็มรูปแบบด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจที่ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ
นายวิกรม ชัยสินธพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ็น. อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์ จำกัด ซึ่งเป็นซิสเต็มส์ อินทิเกรเตอร์ผู้ออกแบบ ติดตั้ง วางระบบ และบริหารโครงการคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ชั้นนำรายหนึ่งในเมืองไทย เปิดเผยถึงโครงสร้างการบริหารงานใหม่ว่า หลังวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2540 บริษัทได้ทยอยปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับสภาวะตลาดพร้อมทั้งพัฒนาทีมบุคลากรเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์สำหรับลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และ ณ ขณะนี้ สถานการณ์ของตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมได้พลิกฟื้นขึ้น รวมทั้งมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอีก ดังนั้นบริษัทจึงมีความพร้อมในการบุกตลาดอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ที.เอ็น.ฯ เดิมเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มผู้บริหารคนไทยและ บริษัท ซีเมนส์ นิกซ์ดอร์ฟ จากประเทศเยอรมนีและในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทยอยซื้อหุ้นคืนจากซีเมนส์ฯ จนกระทั่งในปัจจุบันบริษัทมีโครงสร้างผู้ถือหุ้นเป็นคนไทย 100% โดยมีคณะกรรมการบริหารบริษัท 4 ท่าน ได้แก่ นายวิกรม ชัยสินธพ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ มร.เฮลมุท วังเก้ ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ นายชาย แต่บรรพกุล และนายอัศวิน วราทร ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร
"เหตุผลสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทซื้อหุ้นคืนจากซีเมนส์ฯ เนื่องจากเรามีแนวทางในการดำเนินธุรกิจแบบเอสไอซึ่งต้องมีความคล่องตัวสูงและเปิดกว้างในการเป็นพันธมิตรกับคู่ค้ากลุ่มต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ในขณะที่การเป็นบริษัทร่วมทุนและมีชื่อผูกติดกับกับซีเมนส์ฯ นั้นส่งผลให้บริษัทขาดความ คล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและมีข้อจำกัดในการสร้างพันธมิตร ประกอบกับนโยบายของซีเมนส์ทั่วโลก
ไม่ได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้านคอมพิวเตอร์มากดังเช่นในอดีต ดังนั้นบริษัทจึงตัดสินใจปรับโครงสร้างเป็นบริษัทคนไทย 100% เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขยายเครือข่ายการให้บริการแบบครบวงจร" นายวิกรม กล่าวพร้อมกับเสริมว่า
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกลุ่มธุรกิจเพื่อให้เกิดภาพธุรกิจที่ชัดเจนและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจลูกค้าโครงการ 1 กลุ่มธุรกิจลูกค้าโครงการ 2 กลุ่มธุรกิจระบบซอฟต์แวร์เอสเอพี กลุ่มธุรกิจค้าปลีก และกลุ่มธุรกิจบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ และมีศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ไอเอสโอ 9002 จำนวน 31 แห่ง ซึ่งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 3 แห่ง และต่างจังหวัดอีก 28 แห่ง เพื่อให้การสนับสนุนและบริการแก่ลูกค้าทั่วประเทศ
ด้านมร. เฮลมุท วังเก้ รองกรรมการผู้จัดการกล่าวเสริมว่า โครงสร้างใหม่ของที.เอ็น.ฯ เปิดกว้างให้บริษัทสามารถจับมือสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) กับคู่ค้าชั้นนำระดับโลกได้หลากหลายและครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ เช่น ซัน ไมโครซิสเต็มส์ คอมแพค ฮิวเลตต์-แพคการ์ด พันธมิตรด้านซอฟต์แวร์ชั้นนำ เช่น เอสเอพี ไมโครซอฟท์ ออราเคิล และ อินฟอร์มิกซ์ ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่าย เช่น ซิสโก้ ซีสเต็มส์ และ ทรีคอม รวมทั้งบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านการติดตั้งและวางระบบไอทีอย่าง ดีโบลด์ (Diebold) เป็นต้น
"ดังตัวอย่างเช่น เราเป็นบริษัทไทยรายเดียวที่เป็นคู่ค้าประเภท Implementation Partner ของเอสเอพีซึ่งมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ใหญ่ที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในไทย โดยสามารถชนะประมูลโครงการติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่โดยใช้ซอฟต์แวร์เอสเอพีมาหลายโครงการ อาทิ โครงการติดตั้งระบบบัญชีและข้อมูลเพื่อการบริหาร (FMIS: Financial Management Information System) มูลค่า 300 ล้านบาทให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)" มร. วังเก้ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งนำเสนอโซลูชั่นด้านการปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ (BPR: Business Process Re-Engineering) ให้กับองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรส์ โดยในปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้าน BPR ให้กับหลายองค์กร เช่น การไฟฟ้านครหลวง เป็นต้น
"จุดแข็งของที.เอ็น. คือ ความพร้อมของทีมงานและประสบการณ์ในการวางระบบและบริหารโครงการขนาดใหญ่ รวมทั้งการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานให้กับองค์กรและภาคธุรกิจต่างๆ สำหรับตลาดหลักของเรามีอยู่ 4 กลุ่มหลัก คือ ธนาคารและสถาบันการเงิน หน่วยงานรัฐ กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SME) ตลอดจนกลุ่มค้ากลุ่มค้าปลีกซึ่งที.เอ็น. เป็นเจ้าตลาดมานานจวบจนกระทั่งปัจจุบัน" นายอัศวิน วราทร กรรมการบริหารกล่าวในตอนท้าย
TNIS เปิดฉาก "The Perfect Path For Future Enterprise" ผนึก 7 คู่ค้าโชว์เทคโนโลยีแห่งยุคอนาคตนายชาย แต่บรรพกุล กรรมการบริหาร กล่าวถึงการจัดงานนิทรรศการและสัมมนาในหัวข้อ "The Perfect Path For Future Enterprise" ระหว่างวันที่ 21 - 23 มิถุนายน ศกนี้ ที่โรงแรม ฮิลตัน ว่า บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตร 7 ราย คือ ดีโบลด์ เอสเอพี ไอดัลลอจิก (Dialogic) ออราเคิล คอมแพค วินคอร์ (Wincor) และไฟแนนเชี่ยล เน็ตเวิร์ค เซอร์วิส (FNS: Financial Network Service) ในการจัดสัมมนาและสาธิตโซลูชั่นล่าสุดสำหรับลูกค้ารวมทั้งตัวแทนจากสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 600 คน
"นิทรรศการดังกล่าวถือเป็นงานใหญ่ในรอบ 3 ปีของที.เอ็น. และนับเป็นงานแรกที่เราพร้อมเปิดตัวสู่ตลาดอย่างเป็นทางการภายใต้โครงสร้างการบริหารแบบใหม่" นายชายกล่าวพร้อมกับเสริมว่า ในโอกาสนี้ ดร. อูลริช ฟอนเดอร์ไฮด์ ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัทดีโบลด์ จะปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "BPR: The Benefits For Thai Enterprise" และ ดร. สุธรรม วาณิชเสนี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะบรรยายในหัวข้อ "Planning For Business Improvement" ซึ่งจะเป็นการเปิดวิสัยทัศน์ด้านการปรับขั้นตอนการทำงานขององค์กร หรือ BPR (Business Process Re-Engineering) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันในศตวรรษใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายและสาธิตเทคโนโลยีที่น่าสนใจอีกมากมายภายในงาน อาทิ โซลูชั่น ERP (Enterprise Resource Planning) โซลูชั่น CRM (Customer Relationship Management) ระบบการชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet Payment) ระบบการธนาคารผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet Banking) ระบบคอลล์เซ็นเตอร์ (Call Center) และอุปกรณ์ประเภท Self Service machine สำหรับธุรกิจธนาคารและธุรกิจทั่วไป เป็นต้น
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
สิริพร/สาธิดา
โทร. 252-9871/7
อีเมลล์: S_Siriporn@bm.com หรือ S_Satida@bm.com-- จบ--
-อน-