กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--ไนท์แฟรงค์
เครือว่องไววิทย์ เร่งสยายปีกอสังหาฯ ดัน "เมโทร โพลิสพรอพเพอร์ตี้ส์ ลุยพัฒนาคอนโด ปักธงทำเล "สำโรง" รับแรงบวกรถไฟฟ้าสายสีเขียว-สายสีเหลือง บูมทำเล "ทอง" แห่งใหม่ จ่องัดแลนด์แบงก์ลุยพัฒนาต่อ พร้อมเตรียมเปิดเฟสใหม่โครงการเดอะเมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์
นายเฉลิมชัย ว่องไววิทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมโทร โพลิสพรอพเพอร์ตี้ส์ จำกัด บริษัทในเครือว่องไววิทย์ อุตสาหกรรมจักรกล จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 ปี 2560 ยังมีทิศทางเติบโตในบาง เซกเม้นท์ (segment) โดยเฉพาะทำเลแนวรถไฟฟ้า เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มในแนวรถไฟฟ้าอยู่แล้ว บวกกับการเปิดการค้าเสรีอาเซียน ทำให้มีทุนต่างชาติและนักธุรกิจ รวมถึงคนทำงาน หลั่งไหลเข้ามาในไทย
ทั้งนี้ ทำเลได้รับปัจจัยบวกจากแรงกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในการอนุมัติส่วนต่อขยายรถ ไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีเหลือง ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เมืองสมุทรปราการมีการปรับตัวครั้งใหญ่ ทำให้บริเวณถนนบางนา- ตราด และถนนเทพารักษ์กลายเป็นทำเลทองแห่งใหม่
"แม้ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม ชะลอตัว แต่เป็นที่น่าสนใจว่าในบางทำเล ยังสามารถปิดการขายได้เรื่อยๆ โดยทำเล "ทอง" หนีไม่พ้น ที่ติดสถานีรถไฟฟ้าจริงๆ ยิ่งเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์ ถือว่ายังไปได้ดี"
ดังนั้น บริษัทฯเดินหน้าขยายการพัฒนาโครงการต่อเนื่อง ในพื้นที่ทำเลดังกล่าว ซึ่งบริษัทฯ มีที่ดินที่รอการพัฒนาจำนวนหลายแปลง หลังจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการขายโครงการแรก"The Metropolis Samrong Interchange" (เดอะเมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์) พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม ตั้งอยู่ติดกับสถานีสำโรง ซึ่งในอนาคต สถานีสำโรงจะเป็นสถานี อินเตอร์เชนจ์ (Interchange) เชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (เทพารักษ์ – ลาดพร้าว) ปัจจุบันทำยอดขายได้แล้วประมาณ 70% และอีกหนึ่งปัจจัยที่ลูกค้าประทับใจ ในการเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในห้องชุด นอกจากเป็นทำเลที่ดีมากติดรถไฟฟ้าเพียงก้าวเดียว ประหยัดเวลา สู่ใจกลางเมืองอย่างสะดวกสบาย ใช้เวลาเดินทางไปทองหล่อแค่ 17 นาที
จากปัจจัยดังกล่าว บริษัทฯ ลงทุนเปิดเฟสใหม่ ตั้งอยู่หน้าสุดของโครงการฯ อาคาร B พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม สูง 30 ชั้น จำนวนทั้งหมด 552 ยูนิต จุดเด่น จำนวนยูนิตไม่หนาแน่น ถ้าเทียบกับโครงการในละแวกนี้, เป็นอาคารที่มี Retail Shop ลูกบ้านที่อยู่ในอาคารนี้ จะได้รับความสะดวกสบาย, ใกล้ BTS สถานีสำโรง เพียงก้าวเดียว, Fully Furnished ในส่วนของราคาขายนั้น ช่วงพรีเซลส์ เริ่ม 2.5 ล้าน* ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท* ด้านเฟสแรก สามารถปิดการขายได้ 100 เปอร์เซนต์ ( คิดเป็นยอดเฉลี่ย 70% ของทั้งหมดโครงการฯ) อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจมาก
"นโยบายของเราคือการใส่ใจกับรายละเอียด คนที่จะซื้อที่อยู่อาศัยเขาเก็บเงินมาทั้งชีวิต ดังนั้นเราไม่ใช่แค่สร้างที่อยู่อาศัย เราสร้างการยอมรับด้วย จากที่เราเปลี่ยนกลยุทธ์ จากการทำบ้านจัดสรรธุรกิจแนวราบ มาเป็นคอนโดมิเนียม ต้องดึงคนหมู่มาก กลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้น เป็นความท้าทาย แต่คาดว่าน่าจะได้รับผลตอบรับดี เพราะที่ตั้งเป็นทำเลทองและคาดว่าจะเป็นมหานครแห่งใหม่ในอนาคต โดยไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน คนเมืองชอบมากที่ไม่ต้องเดินทางไกล ขณะที่คอนโดในเมืองที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าราคาแพงมาก จุดขายของโครงการคือขยายแนวความคิด "ถ้าเราออกมาอยู่ข้างด้านนอกหน่อยแต่การเดินทางสะดวกเท่าๆ กัน และราคาที่ถูกกว่าเกือบครึ่ง ออกมาไกลกว่านิด แต่ก็อยู่ติดกับรถไฟฟ้า โดยเฉพาะด้านหน้าคอนโดมิเนียมของเราอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสองสายด้วยกัน ใช้ เวลาการเดินทางไม่ต่างกัน จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า"
สำหรับรายละเอียดโครงการ The Metropolis Samrong Interchange (เดอะเมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์) เป็นคอนโดมิเนียม High Rise จำนวน 2 อาคาร A สูง 39 ชั้น รวม 1,056ยูนิต, อาคาร B สูง 30 ชั้น รวม 552 ยูนิต และ Low Rise อาคาร C สูง 7 ชั้น จำนวน144 ยูนิต รวมอาคารจอดรถ 5 ชั้น 1 อาคาร รวมที่จอดรถประมาณ 750 คัน (ไม่รวมซ้อนคันคิดเป็น 42 เปอร์เซ็นต์) สำหรับรูปแบบห้อง แบ่งเป็น Studio 28 ตารางเมตร, 1 Bedroom 35 – 45 ตารางเมตร , 2 Bedrooms 52 – 53,ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร นอกจากนี้สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ประกอบด้วย สระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 สระ ขนาด 12 x 28 เมตร(อาคารA), 12 x 30 เมตร(อาคารB) และสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.3 เมตร, ห้องออกกำลังกาย, สวนหย่อมรอบโครงการ, สนามแบดมินตัน 2 สนาม, ห้องไดร์ฟกอล์ฟ, ห้องอเนกประสงค์, ลิฟท์โดยสารความเร็วสูง ที่อาคาร A,B 4 ตัว/อาคาร และที่อาคาร C,D 2 ตัว/อาคาร, อัตราส่วนลิฟท์อาคาร A 264:1, อัตราส่วนลิฟทาคาร B 138:1, อัตราส่วนลิฟท์อาคาร C 81:1, Service Lift 1 ตัว/อาคาร, ที่จอดรถไม่รวมซ้อนคันประมาณ 40% ระบบความปลอดภัยCCTV / Access Card ผ่าน EIA เรียบร้อยแล้ว
ไนท์แฟรงค์เผยคอนโดย่านแบริ่ง สำโรง มีศักยภาพขยายตัว
นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า การพัฒนาคอนโดมิเนียมพักอาศัยในย่านสุขุมวิทตอนปลาย แบริ่ง สำโรง มีศักยภาพในการขยายตัวและเติบโตได้ ทั้งตอบสนองความต้องการของคนทำงานในเมืองและคนทำงานในย่านสมุทรปราการ โดยบริเวณดังกล่าวจะได้ประโยชน์จาก
1.ความได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งและต้นทุนที่ดิน กล่าวคือ ได้ประโยชน์จากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว บีทีเอส ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างไปถึงสมุทรปราการและถนนแพรกษา โดยสถานีสำโรงเปิดให้บริการแล้วในปัจจุบัน รถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งเชื่อมต่อกับศูนย์กลางธุรกิจสำคัญย่านสุขุมวิท เพลินจิต สีลม และย่านการค้าสยาม นั้นช่วยให้คนทำงานกลางเมืองเดินทางเข้าถึงแหล่งงานและแหล่งช้อปปิ้งสำคัญย่านทองหล่อและสยามได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพียง 16 – 30 นาทีจากสถานีสำโรง นอกจากนี้สถานีสำโรงยังเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-บางกะปิ-ศรีนครินทร์-เทพารักษ์-สำโรง ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่สำคัญของกรุงเทพด้วย
และสิ่งที่สำคัญในการพัฒนาโครงการก็คือต้นทุนที่ดินในย่านนี้ ยังมีราคาที่สามารถจับต้องได้ ราคาไม่แพงจนเกินไป ซึ่งจะทำให้ราคาขายคอนโดในย่านนี้ยังมีราคาขายที่สามารถซื้อหามาเป็นเจ้าของได้
2. เป็นย่านที่พัฒนาแล้ว มีสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะครบถ้วน มีโครงการพัฒนาเชิงพาณิชย์หลายโครงการ เช่น เป็นที่ตั้งของตลาดสำโรง ศูนย์การค้าอิมพีเรียลสำโรง ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค มีโครงการบางกอกมอลล์ซึ่งเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่มาก พัฒนาโดยกลุ่มเดอะมอลล์ บนที่ดินกว่า 100 ไร่ และโครงการอาคารสำนักงานภิรัชทาวเวอร์ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เป็นต้น
3. อยู่ใกล้แหล่งงานในพื้นที่ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ถนนเทพารักษ์ และสมุทรปราการซึ่งเป็นย่านอุตสาหกรรมที่สำคัญ สำโรงจึงกลายเป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม ซึ่งเหมาะแก่การอยู่อาศัย
จากผลวิจัยของไนท์แฟรงค์ประเทศไทยระบุว่า ณ ไตรมาสแรกของปีนี้จำนวนอุปทานคอนโดมิเนียมในย่านถนนสุขุมวิท ช่วงสี่แยกบางนาถึงสมุทรปราการมีทั้งสิ้น 27,916 หน่วย โดยมีจำนวนหน่วยคอนโดมิเนียมถูกขายไปได้ทั้งสิ้น 18,956 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 67.9 อัตราการขายปรับตัวขึ้นจากปีพ.ศ. 2558 ซึ่งอยู่ในอัตราร้อยละ 62.8 โดยอัตราการขายคอนโดมิเนียมบริเวณนี้พบว่ามีอัตราการขายต่อปี อยู่ที่ประมาณ 3,500 – 4,500 หน่วยต่อปี
การขยายตัวของตลาดคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ (บางนา-สมุทรปราการ) มีปริมาณอุปทานเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2557 และ 2558 (มีอุปทานใหม่เพิ่มสูงถึง 6,642 หน่วยและ 7,292 หน่วยตามลำดับ) ซึ่งปี 2556 เป็นปีที่เริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจากสถานีแบริ่งไปสมุทรปราการ ขณะที่ปี 2559 มีอุปทานใหม่เพียง 3,836 หน่วยและไตรมาสแรกของปี 2560 มีอุปทานใหม่เพียง 972 หน่วย ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะตลาดในภาพรวม ส่วนอุปสงค์นั้นมีอัตราการซื้อห้องชุดในบริเวณนี้ประมาณ 3,500 – 4,500 หน่วยต่อปี เมื่อพิจารณาแนวโน้มตลาดโดยรวมแล้ว ภาพรวมของตลาดยังถือว่าอยู่ในสภาพที่ดี อุปทานมีการปรับตัวสอดรับกับอุปสงค์ที่มีอยู่ในตลาด