ความต้องการเครื่องบินใหม่ในอีก 20 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้นเกือบ 35,000 ลำ คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดมีความต้องการนักบินเพิ่มขึ้น 530,000 ตำแหน่งและวิศวกรซ่อมบำรุงอีก 550,000 ตำแหน่ง

ข่าวท่องเที่ยว Wednesday June 14, 2017 14:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 มิ.ย.--ทีคิวพีอาร์ ตามการคาดการณ์ตลาดโลกปี 2560-2579 ของแอร์บัส (Global Market Forecast 2017-2036) ระบุว่า เครื่องบินโดยสารทั่วโลกที่มีความจุ 100 ที่นั่งขึ้นไปจะขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยเพิ่มขึ้นกว่า 40,000 ลำ เนื่องจากการขนส่งทางอากาศที่จะเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 4.4 ต่อปี ช่วงเวลาดังกล่าว ตัวเลขของผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินครั้งแรกที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของรายได้ที่สามารถนำไปใช้ในการเดินทางทางอากาศ การเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยว การเปิดเสรีของอุตสาหกรรมการบิน การเปิดเส้นทางบินใหม่ ตลอดจนการปรับโมเดลธุรกิจของสายการบินปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ความต้องการเครื่องบินโดยสารเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 34,170 ลำ และในขณะเดียวกันความต้องการที่มีต่อเครื่องบินขนส่งก็เพิ่มขึ้นเป็น 730 ลำ คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนนั้นเป็นจำนวนเครื่องบินทางเดินเดี่ยวกว่าร้อยละ 70 โดยมีอัตราการเติบโตร้อยละ 60 และอีกร้อยละ 40 เป็นการดแทนเพื่อประหยัดด้านเชื้อเพลิง ทั้งนี้ ฝูงบินเชิงพาณิชย์ในอีก 20 ปีข้างหน้าจะขยายมากขึ้นเป็นสองเท่าซึ่งจะทำให้ตลาดมีความต้องการนักบินใหม่เพิ่มขึ้น 530,000 ตำแหน่ง และวิศวกรซ่อมบำรุงอีก 550,000 ตำแหน่ง และได้กระตุ้นให้ธุรกิจบริการต่างๆ ทั่วโลกของแอร์บัสเติบโตขึ้น ขณะที่แอร์บัสได้ขยายเครือข่ายศูนย์ฝึกอบรมทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 5 แห่ง เป็น 16 แห่ง ภายในระยะเวลา 3 ปี การขยายตัวของการจราจรทางอากาศในกลุ่มเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่อย่าง ประเทศจีน อินเดีย ภูมิภาคเอเชียและละตินอเมริกานั้นมีการเติบโตสูงที่สุด และในตลาดที่ผู้บริโภคมีความพร้อม เช่น ประเทศในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตก คาดการณ์ว่าจะเติบโตสูงขึ้นเกือบสองเท่าคิดเป็นร้อยละ 3.2 ต่อปี ในปัจจุบันตลาดเกิดใหม่มีจำนวนประชากร 6.4 พันล้านคนจากจำนวนประชากรโลกที่มีอยู่ 7.4 พันล้านคน ซึ่งครองสัดส่วนเกือบร้อยละ 50 ของการบริโภคภาคเอกชนโลกภายในปี 2579 "การเดินทางทางอากาศมีความยืดหยุ่นต่อแรงสั่นคลอนจากภายนอกและการเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทุกๆ 15 ปีเป็นอย่างมาก" นาย จอห์น ลีฮีย์ ประธานบริหารฝ่ายปฏิบัติการลูกค้าสัมพันธ์ และเครื่องบินแอร์บัสเชิงพาณิชย์ของแอร์บัส กล่าวและเพิ่มเติมว่า "ทวีป เอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นกลไลของการเติบ โดยเฉพาะเมื่อประเทศจีนกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเติบโตของรายได้ที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้นั้นเพิ่มขึ้นในกลุ่มเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ และตัวเลขของผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าในช่วงปัจจุบันจนถึงปี 2579" ภายในระยะเวลาอีก 20 ปีข้างหน้า การส่งมอบเครื่องบินใหม่ไปยังกลุ่มประเทศในทวีปเอเชียแปซิฟิกจะครองสัดส่วนถึงร้อยละ 41 ตามมาด้วยทวีปยุโรปอยู่ที่ร้อยละ 20 และทวีปอเมริกาเหนืออยู่ที่ร้อยละ 16 โดยจำนวนของผู้โดยสารที่เป็นชนชั้นกลางจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เป็นจำนวนเกือบ 5 พันล้านคน เนื่องจากการวางแผนการเงินเพื่อสร้างความมั่งคั่งทำให้การโดยสารด้วยเครื่องบินสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะในกลุ่มเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ที่การใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางทางอากาศจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แอร์บัสได้คาดการณ์ว่าตลาดจะมีความต้องการในเครื่องบินทางเดินคู่ เช่น เครื่องบินตระกูล เอ330 เอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี และเอ380 เป็นจำนวน 10,100 ลำ คิดเป็นมูลค่า 2.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในส่วนการตลาดเครื่องบินทางเดินเดี่ยว อย่างเครื่องบินตระกูล เอ320นีโอ ทางแอร์บัสได้คาดการณ์ว่าตลาดจะมีความต้องการเครื่องบินประเภทนี้เป็นจำนวน 24,810 ลำ คิดเป็นมูลค่า 2.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สายการบินต่างๆ จะเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้โดยสารด้วยการใช้เครื่องบินทางเดินเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่าง เอ321 ที่จะทำให้พบกับโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นด้วย เอ321นีโอ นั่นเพราะอัตราความเร็วที่มีสูงถึง4,000 นิวตันเมตร และการประหยัดน้ำมันแบบยากจะหาใครเทียบได้ โดยในปี 2559 เครื่องบิน เอ321 ครอบคลุมกว่าร้อยละ 40 ของการส่งมอบเครื่องบินทางเดินเดี่ยว และกว่าร้อยละ 60 ของยอดการสั่งซื้อเครื่องบินทางเดินเดี่ยวทั้งหมด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ