กรุงเทพฯ--14 มิ.ย.--แพนดิจิตัล ซิสเต็ม
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า สหกรณ์ภาคการเกษตรในปัจจุบันมีประมาณ 4,000 แห่ง มีสมาชิกมากกว่า 11 ล้านคน ส่วนหนึ่งดำเนินธุรกิจรวบรวมผลผลิตจากสมาชิก โดยมีสินค้าการเกษตรที่สำคัญได้แก่ ข้าว ผัก ผลไม้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ไข่ไก่ นม สินค้าปศุสัตว์และประมง
"กองทุนจัดการความเสี่ยงผลผลิตทางการเกษตร จึงมีความสำคัญต่อสหกรณ์ที่จะช่วยเหลือดูแลสมาชิกในช่วงที่ราคาผลผลิตตกต่ำ โดยนำเงินจากกองทุนฯ มาช่วยชดเชยราคาให้เกษตรกรได้ และส่วนหนึ่งก็ยังนำไปพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและรักษาสภาพพื้นที่ทำการเกษตรของสมาชิกให้มีศักยภาพที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูก หรือผลิตสินค้าการเกษตรให้มีคุณภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากยิ่งขึ้น" นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
ขณะนี้ มีหลายสหกรณ์ที่ได้มีการจัดตั้งกองทุนจัดการความเสี่ยงผลผลิตทางการเกษตรแล้ว เช่น สหกรณ์นิคมบ้านสร้างพัฒนา จำกัด จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีเงินประเดิมเข้ากองทุนฯ จำนวน 400,000 บาท ซึ่งกองทุนฯนี้ จะเข้ามาช่วยเหลือสมาชิกที่ประสบปัญหาด้านการประกอบอาชีพจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เกิดภัยพิบัติ เช่น อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง วาตภัย ดินโคลนถล่ม โรคระบาด และเป็นค่าชดเชยการขาดทุนจากความเสียหายให้กับสมาชิกสหกรณ์ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ ภัยธรรมชาติ ตลอดถึงช่วยในการชดเชยและแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรของสมาชิกช่วงที่ราคาตกต่ำ เป็นต้น ทั้งนี้ทางสหกรณ์ฯ จะจัดให้มีบัญชี "กองทุนจัดการความเสี่ยงผลผลิตทางการเกษตรและรักษาสิ่งแวดล้อม" แยกต่างหากจากบัญชีอื่นๆ ของสหกรณ์ เพื่อรายงานยอดเงินของกองทุนฯและความเคลื่อนไหวให้ปรากฏชัดเจน สามารถตรวจสอบได้
นอกจากนี้ยังมี สหกรณ์ประมงพาน จำกัด จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้มีการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวแล้ว โดยสหกรณ์ได้กำหนดไว้ในระเบียบของสหกรณ์และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือสมาชิกที่ประสบปัญหาจากการประกอบอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกิดภัยธรรมชาติ ตลอดจนใช้สำหรับการรักษาระดับราคาสินค้าและผลผลิตของสมาชิกในช่วงสถานการณ์ที่ผลผลิตทางการเกษตรที่สมาชิกสหกรณ์ได้ผลิตขึ้นนั้นมีราคาตกต่ำ และยังดำเนินการบำบัด ฟื้นฟู บำรุงรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในการประกอบอาชีพของสมาชิกสหกรณ์และชุมชนใกล้เคียงด้วย
โดยผลการดำเนินการสหกรณ์ประมงพาน จำกัด ปีบัญชี 2559 ที่ผ่านมามีกำไรสุทธิประจำปี 1,915,351.25บาท สหกรณ์ได้จัดสรรกำไรสุทธิเข้า "กองทุนจัดการความเสี่ยงผลผลิตทางการเกษตรและรักษาสิ่งแวดล้อม" จำนวน 300,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 15.66 ของผลกำไรสุทธิทั้งหมด
ทั้งนี้สหกรณ์จะสามารถดำเนินการในรูปแบบของกองทุนจัดการความเสี่ยงผลผลิตทางการเกษตรฯนี้ได้อย่างดี เพราะเป็นการรวมกลุ่มของเกษตรกรในการเข้ามาช่วยเหลือกันด้านอาชีพ และนับเป็นอีกหนึ่งแนวทางของการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานแนวทางให้ปวงชนชาวไทยมาปฏิบัติใช้ในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพ ให้เกษตรกรได้รู้จักการพึ่งพาตนเองและการวางแผนในการประกอบอาชีพ โดยศึกษาข้อมูลที่รอบด้านและรู้จักจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
กองทุนจัดการความเสี่ยงผลผลิตทางการเกษตร คือการมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการดำเนินกิจการ ด้วยการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ยามที่ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้ล่วงหน้า และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกของสหกรณ์ว่าในยามที่มีความเดือดร้อน สหกรณ์ที่ตนเป็นสมาชิกอยู่มีความพร้อมและช่องทางสำหรับการดูแลช่วยเหลือสมาชิกได้อย่างเป็นรูปธรรมที่แท้จริง โดยไม่ต้องรอการช่วยเหลือจากรัฐบาล หรือส่วนอื่นๆ ของสังคม และเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของการเป็นสหกรณ์ที่ต้องให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหมู่สมาชิก ตามอุดมการณ์สหกรณ์
นับเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพของสมาชิกสหกรณ์ ที่ควรแก่การนำไปเป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติให้กับสหกรณ์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี