กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--โออิชิ กรุ๊ป
ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับเทรนด์การบริโภคยุคนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) มีการปรับตัว ทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยธุรกิจอาหารมีการพัฒนาหารูปแบบใหม่ๆ และปรับภาพลักษณ์แบรนด์ ขณะที่ธุรกิจเครื่องดื่มยังคงเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ อินโนเวชั่น การทำแคมเปญโปรโมชั่นที่โดนใจผู้บริโภค รวมถึงการขยายกำลังการผลิตและการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มโออิชิในช่วงไตรมาสที่สองตามรอบปีบัญชีของบริษัทฯ* (ม.ค.-มี.ค.60) เติบโตขึ้น ทั้งในด้านยอดขายและกำไร
สำหรับผลประกอบการไตรมาสสองตามรอบปีบัญชีของบริษัทฯ* (ม.ค.-มี.ค.2560) มีรายได้รวม 3,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากงวดก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่ม 1,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากธุรกิจอาหาร 1,549 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสสองตามรอบปีบัญชีของบริษัทฯ*เท่ากับ 417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นกำไรจากธุรกิจเครื่องดื่ม 368 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรจากธุรกิจอาหาร 49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ในส่วนธุรกิจเครื่องดื่ม สถานการณ์ตลาดชาพร้อมดื่มในไตรมาสสองของปีนี้* (ม.ค.-มี.ค.60) ติดลบเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าตลาดลดลงจาก 3,650 ล้านบาทในไตรมาสสองของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 3,187 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ หรือติดลบ 12.7% ในแง่มูลค่า ส่วนในแง่ปริมาณ ลดลงจาก 111 ล้านลิตร เหลือ 95 ล้านลิตร หรือติดลบ 14.3% (ข้อมูลจาก : Nielsen ณ สิ้น มี.ค.60) สาเหตุหลักมาจากกำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง แต่ด้วยการกำหนดกลยุทธ์การตลาดที่แม่นยำของโออิชิ ทั้ง (1) การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อินโนเวชั่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มฟรุ้ตทีอย่างโออิชิองุ่น เคียวโฮ ที่ขึ้นแท่นผลิตภัณฑ์ดาวรุ่ง ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ยอดขายและภาพลักษณ์ (2) การทำการตลาดและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ผ่านช่องทางที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นวัยรุ่น รวมทั้ง (3) การขยายกำลังการผลิต การบริหารจัดการอย่างเหมาะสมและแม่นยำ สามารถรองรับการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของโออิชิในไตรมาสสองของปีนี้ตามรอบปีบัญชีของ บมจ.โออิชิ กรุ๊ป* เพิ่มขึ้น จาก 43.1% (ม.ค.-มี.ค.59) เป็น 46.2% (ม.ค.-มี.ค.60) (ข้อมูลจาก : Nielsen ณ สิ้น มี.ค.60) ครองความเป็นอันดับหนึ่งในตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศไทย"
ส่วนธุรกิจอาหาร ก็ต้องมีการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด "ความท้าทายในการทำตลาดธุรกิจอาหารไม่ได้มีแค่การแข่งขันที่รุนแรงเท่านั้น แต่ยังมีการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เป็นความท้าทายสำคัญ เร่งให้เราต้องรีบปรับตัวให้ทันกับเทรนด์ที่เกิดขึ้น มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค พร้อมเสริมแนวคิด Premiumisation เข้าไปในการพัฒนาแบรนด์ร้านอาหาร ที่ไม่ได้เน้นแค่ Functional เพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างความประทับใจด้วย อย่างเช่น OISHI EATERIUM ที่เปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารญี่ปุ่นแนวใหม่ ซึ่งแตกต่างจากบุฟเฟ่ต์ที่คุ้นเคย โดยพัฒนาเมนูใหม่ๆ ให้มีความพิเศษมากขึ้น พร้อเนรมิตบรรยากาศภายในร้านให้ดูสดใสมีชีวิตชีวา ความรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปย่านร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการตอบรับดีเกินคาดตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ขณะนี้เราขยายไปแล้ว 2 สาขา ส่วนแบรนด์ร้านอาหารอื่นๆ เรากำลังพัฒนาและปรับภาพลักษณ์ให้สอดคล้องกับเทรนด์ยุคใหม่ และโดนใจกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น" นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กล่าวปิดท้าย
* รอบปีบัญชีของ บมจ.โออิชิ กรุ๊ป คือ วันที่ 1 ตุลาคม ถึง วันที่ 30 กันยายน ของทุกปี