กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--เอ็มที มัลติมีเดีย
แอล เอช ฟันด์ จับจังหวะเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว รับปัจจัยหนุนจากภาคการส่งออกไตรมาส 1/60 เติบโตและการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เพิ่มขึ้น เดินหน้าเปิด IPO กองทุน 'แอล เอช ซีเล็ค' (LHSELECT) วันที่ 22-28 มิ.ย. นี้ ชูกลยุทธ์การลงทุนเน้นคัดเลือกหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่มีมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานไม่แพง มีกำไรเติบโตต่อเนื่อง และยังสามารถเข้าลงทุนในตราสารหนี้ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REITs รวมถึงตราสารอื่นๆ หวังเจาะกลุ่มนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากราคาหุ้นและผลกำไรของหุ้นในอนาคต
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือLHFund เปิดเผยว่า ได้เปิด IPO กองทุนใหม่ 'แอล เอช ซีเล็ค' (LHSELECT) ในวันที่ 22-28 มิถุนายน 2560 เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่นักลงทุน หลังประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง ตามทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลก จาก 2 ปัจจัยหลัก คือปัจจัยจากภาครัฐเร่งการใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2560-2567 จะมีการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท (ข้อมูลจาก Goldman Sachs) โดยเฉพาะในระหว่างปี 2561-2563 จะมีเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และปัจจัยจากภาคการส่งออกที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในไตรมาส 1/60 โดยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังได้รับปัจจัยหนุนจากภาครัฐที่เร่งใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดังนั้น LHFund จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจที่จะเข้าลงทุน เนื่องจากมูลค่ายังไม่แพงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยประเมินเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปี 2561 อยู่ที่ 1,750 จุด โดยใช้ P/E Ratio ที่ระดับ 15.5 และ Consensus EPS ของ SET Index ปี 2562 ที่ประมาณ 113 บาท/หุ้น (ข้อมูลจาก Bloomberg ณ 9 มิ.ย. 60) ขณะที่การลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และหน่วยทรัสต์ของ REITs มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว หลังราคาหน่วยลงทุนและหน่วยทรัสต์ในปีนี้ปรับลดลงค่อนข้างมาก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเริ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
กรรมการผู้จัดการ LHFund กล่าวว่า สำหรับกองทุน LHSELECT ที่เปิด IPO มีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท เพื่อส่งเริมการลงทุนในระยะยาว โดยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกิน 12 ครั้งต่อปี และกองทุนนี้เน้นลงทุนหุ้นที่อยู่ในSET100 เป็นหลัก อีกทั้งสามารถเข้าลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ตราสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่สำนักงาน ก.ล.ต.ประกาศกำหนด โดยสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ ตามสถานการณ์การลงทุน ได้ตั้งแต่ 0-100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
"เราเชื่อว่า กองทุน LHSELECT จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อหน่วยลงทุน เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพได้หลากหลายประเภทเพื่อให้สอดคล้องกับแต่ละสถานการณ์ จึงเหมาะกับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากการเติบโตของราคาหุ้นและผลกำไรในอนาคต โดยแนะนำให้ลงทุนในระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป" นายมนรัฐ กล่าว