กรุงเทพฯ--22 มิ.ย.--IR network
จับตาวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยสั่นสะเทือนครั้งสำคัญ เมื่อ"คันทรี่ การ์เด้น โฮลดิ้ง" บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เบอร์หนึ่งจากประเทศจีนสยายปีกลงทุนในไทยเป็นครั้งแรก พร้อมวางเป้าขึ้นแท่นเป็นนัมเบอร์วันของวงการภายใน 3 ปี ล่าสุด!ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับ TFD ร่วมลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมใจกลางรัชดาฯ มูลค่า 6,800 ล้านบาท เป็นการชิมลางก่อนตัดสินใจลงทุนรูปแบบอื่นๆ ในอนาคต เผยเตรียมเปิดขายโครงการในไตรมาส 3 ปีนี้ และคาดจะก่อสร้างเสร็จพร้อมโอนได้ในปี 2562 "อภิชัย เตชะอุบล" สุดปลื้ม! เพราะเป็นบริษัทอสังหาฯรายแรกในไทย ที่ยักษ์ใหญ่จากแดนมังกรจับมือเป็นพันธมิตร มั่นใจช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งพร้อมหนุนการเติบโตให้ขยายตัวได้อย่างโดดเด่น ระบุพร้อมขยายความร่วมมือหากมีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นในอนาคต
เป็นปรากฎการณ์ที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยเมื่อ บริษัท คันทรี การ์เด้น โฮลดิ้งส์ (Country Garden Holdings) บริษัทอสังหาริมทรัพย์และพัฒนาที่ดินอันดับหนึ่งจากสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ ประเทศจีน ตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้ "คันทรี่ การ์เด้น โฮลดิ้งส์" ได้ตัดสินใจทุ่มงบประมาณกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ (3.5 ล้านล้านบาท) เพื่อสร้างเมืองสีเขียวขนาดยักษ์ในโปรเจคท์สุดยิ่งใหญ่ที่มีชื่อว่า ฟอเรสต์ ซิตี้ (Forest City) บนพื้นที่ในเมืองยะโฮร์บาห์รู ทางตอนใต้ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งติดกับประเทศสิงคโปร์ ภายในพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 13.7 ตารางกิโลเมตร เพื่อสร้างเป็นคอมเพล็กซ์ที่อยู่อาศัยที่รองรับประชากรมากกว่า 700,000 ราย โดยภายในจะประกอบไปด้วยสิ่งปลูกสร้างอำนวยความสะดวกครบวงจร ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกสร้างอย่างหรูหราสวยงามห้อมล้อมไปด้วยพืชพันธุ์ไม้นานาพรรณสีเขียว และดินแดนเมืองในป่าแห่งนี้จะมีด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นของตัวเองด้วย โดยการก่อสร้างโครงการนี้จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2560 ซึ่งขณะนี้มียอดขายอพาร์ตเมนท์แล้วกว่า 8,000 ห้องด้วยกัน
"คันทรี่ การ์เด้น โฮลดิ้ง" เป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง ตั้งแต่เดือนเมษายน 2550 มีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2559 มากถึง 591.6 พันล้านหยวน ในด้านของผลการดำเนินงานปีล่าสุดมียอดขายมากถึง 308.8 พันล้านหยวน และมีรายได้รวมเท่ากับ 153.1 พันล้านหยวน ขยายตัวถึงร้อยละ 35 เมื่อเปรียบกับกับปี 2558 ที่ทำได้ 113.2 พันล้านหยวน ปัจจุบันมีโครงการอยู่ภายใต้การดำเนินการทั้งสิ้น 728 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในประเทศจีนจำนวน 722 ของโครงการ ส่วนที่เหลืออยู่ต่างประเทศคือ 4 โครงการในประเทศมาเลเซีย 1 โครงการในออสเตรเลีย และอีก 1 โครงการในประเทศอินโดนีเซีย
นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม (TFD) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2560 บริษัท คราวน์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TFD ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุน (Joint Venture Agreement) เพื่อจัดตั้ง บริษัท บีจีวาย แอนด์ ทีเอฟดี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด โดยคราวน์ ดีเวลลอปเม้นท์ฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และบริษัท บิวตี้ ฮอนเนอร์ เอ็นเตอร์ไพร์ช ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่อยู่ในกลุ่มบริษัท คันทรี่ การ์เด้นฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 49% โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียมและเรสซิเด้นท์ระดับพรีเมี่ยม เป็นอาคารพักอาศัยสูง 34 ชั้น จำนวน 4 ตึก รวมทั้งสิ้น 1,337 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,800 ล้านบาท บนพื้นที่ 8 ไร่ เศษ ขนาดพื้นที่ก่อสร้าง 120,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ใจกลางรัชดาภิเษกใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT ซึ่งถือเป็นทำเลทองที่มีดีมานด์ความต้องการที่อยู่อาศัยสูงมาก โดยเตรียมที่จะเปิดขายโครงการในไตรมาส 3 ของปีนี้ พร้อมคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบได้ในปี 2562
โครงการคอนโดมิเนียมดังกล่าว โฟกัสที่กลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าระดับกลาง-บน และกลุ่มนักลงทุน นักธุรกิจจากประเทศจีน เนื่องจากสถานที่ตั้งของโครงการเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ (New CBD)กำลังเป็นที่ต้องการเพราะถือเป็นโลเกชั่นที่มีศักยภาพในอนาคต พร้อมกันนี้ "คันทรี การ์เด้นฯ" มีแผนที่จะนำเอาโครงการนี้ไปโรดโชว์ที่ประเทศจีนด้วย ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า และคาดว่าจะสามารถปิดการขายในส่วนของลูกค้าชาวจีน ซึ่งสามารถลงทุนได้ถึงร้อยละ 50 ของโครงการทั้งหมด ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว อันเป็นผลมาจากเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ"คันทรี การ์เด้นฯ"
"TFD คือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยรายแรกที่ "คันทรี่ การ์เด้น กรุ๊ป" ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ในประเทศจีน มีโครงการในมือที่สร้างและพัฒนามาแล้วมากกว่า 8,000 โครงการ มีเครือข่ายในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และมียอดขายกว่า 300 พันล้านหยวนในปีที่ผ่านมา ตัดสินใจเลือกให้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจและร่วมลงทุนในโครงการแรกที่สยายปีกเข้าสู่ประเทศไทย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อ TFD ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นถึงศักยภาพในการทำงาน เชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพ เชื่อมั่นในหลักธรรมาภิบาลของเรา และจากการร่วมมือกันในครั้งนี้จะส่งเสริมให้ TFD ดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนให้มีการเติบโตที่โดดเด่นต่อไปในอนาคต และต่อไปหาก "คันทรี การ์เด้น กรุ๊ป" ต้องการจะลงทุนโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม ทางเราก็พร้อมที่จะขยายความร่วมมือทางธุรกิจไปด้วย โดยทาง"คันทรี่ การ์เด้น กรุ๊ป" ได้วางเป้าหมายไว้ว่าภายใน 3ปี จะขึ้นแท่นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้ได้"นายอภิชัยกล่าวในที่สุด